เสือเฒ่าบุก
โดย มณี บันลือ
ผลสืบเนื่องมาจากการประชุมมูลนิธิสมเพิ่ม กิตตินันท์ สามัญประจำปีๆ หนึ่ง วาระอื่นๆ ประธานคณะกรรมการมูลนิธิ นายอุดม หิรัญพฤกษ์ ปรารภว่า ในอนาคตพวกเราก็คงจะมาประชุมถึงจังหวัดน่านกันไม่ค่อยไหวเสียแน่เพราะว่าแก่กันลงไปทุกวันๆ
รองประธานกรรมการ นายธานี ภมรนิยม แย้งทันทีว่า
"ยังไม่แก่ ไม่เชื่อปีนี้ไปล่องแก่งน้ำว้าทดสอบสมรรถนะกันไหม?" ออกอาการท้าทายในทีตามสไตล์เขาละ
เสียงแย้งเกรียว จะไหวหรือ? เขาว่าแก่งน้ำว้าน่ะ โหดระดับ 4-5 เชียวนะ ผ่านเกาะแก่งตั้ง 16 แก่ง ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง มันจะตายกันเสียก่อนนะซี
อีกเสียงหนึ่งนั่งนับนิ้วแล้วร้อง ท่านรองสายัณห์ บรรณวัฒน์
"เฮ้ย! เรือยางลำละ 8 คนๆละ 75 ปี ก็ 600 ปีเข้าไปแล้ว ถ้าลงอีกลำ 8 คน ก็อีก 600 ปี รวมเป็น1,200 ปีพอดี นี่โดยประมาณนะ"
"ป้าไพยังเอาะๆอยู่ เลขานุการก็ยังละอ่อน เกษมอีก เอาเป็นว่าแค่พันปีก็แล้วกัน เฮ้อ หนักใจ" ท่านประธานเสริม
"ไม่ลองไม่รู้ ทดสอบกันสักทีก็ดีเหมือนกัน จะได้ร้องเพลง พี่ยังไม่แก่หรอกน้องๆๆๆ" ท่านสายัณห์นึกครึ้มๆ ฮัมเพลงแหย่ เสียงหัวเราะดังครืนใหญ่
"ประสิทธิ์ ประงานด่วน พรุ่งนี้จะลุย"
เขาหน่อ
ประธานตบท้ายเสียงดัง มีการปรบมือให้กำลังใจกันจนผู้ติดตามทั้งหลายชูคอกันสลอนด้วยความสงสัยว่ามันเกิดอะไรกันขึ้น
ค่ำคืนที่ไม่เงียบเหงาผ่านไปอย่างรื่นเริงและรื่นรมย์ แต่ละคนคุยกันว่า ยังปั๋ง ยังปึ๋ง ทุกอย่างยังแข็ง ไหวแน่นอน เสียงหัวเราะครืนๆ
คณะกรรมการเดินทางไปยังอุทยานแห่งชาติแม่จริม อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน จากอำเภอนาน้อย-อำเภอเมือง ระยะทาง 50 กม. รถแล่นข้ามสะพานแม่น้ำน่าน พอถึงพระธาตุแช่แห้งอันเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่าน คณะแวะลงไปกราบไหว้ตามธรรมเนียม ว่ากันว่า พระธาตุแช่แห้งเป็นพระธาตุที่คนเกิดปีเถาะหรือปีกระต่ายไหว้แล้วจะยิ่งมีมงคล
เดินวนไหว้ครบสามรอบ คณะก็เดินทางต่อไปบนถนนลอยฟ้า น่าน-แม่จริม(1243) ถนนไต่ไปบนสันดอย ตลอดเส้นทาง คดเคี้ยวเลี้ยวลดไปตามธรรมชาติ แต่สองฟากฝั่งถนนเส้นนี้ มีทัศนียภาพสวยงาม ต้นไม้ใบหญ้าดกดื่น ดอกเครือออนสีชมพูอมม่วงไต่พันบนต้นไม้อิงอาศัย พราวไปทั้งต้น ต้นเสี้ยวดอกขาวบานเต็มต้น สวยครับสวย
ลำน้ำว้าหน้าอุทยาน
ก่อนถึงอุทยานแห่งชาติแม่จริม คณะจอดรถลงไปถ่ายรูปไว้เป็นที่ระลึก "เขาหน่อ" ภูเขาที่มีรูปทรงโดดเด่นกลางขุนเขา ที่นั่นว่ากันว่ามีภาพเขียนสีโบราณ แต่คณะมีจุดหมายปลายทางแค่การไปล่องแก่งน้ำว้าท้าทายวัยรวมพันปี จึงไม่ได้ภาพมาฝากครับ ปีหน้าฟ้าใหม่อาจจะท้ากันตะลุยไปถ่ายภาพเขียนสีโบราณพันๆปีมาอวดก็ได้
อุทยานแห่งชาติแม่จริม มีพื้นที่ 434 ตร.กม. ครอบคลุมป่าน้ำว้า ป่าแม่จริม ป่าน้ำน่านฝั่งตะวันออกตอนใต้ ป่าน้ำว้าห้วยสาลี่ ท้องที่ตำบลพางและตำบลปาย อำเภอแม่จริม และตำบลไหล่น่าน ตำบลส้านนาหนองใหม่ ตำบลน้ำมวบ อำเภอเวียงสา จังหวัดน่าน เป็นป่าที่ผ่านการทำไม้แล้วบางส่วน
เริ่มต้นเรียบง่ายสบายๆ
พื้นที่ส่วนใหญ่สูงชันกว่า 35 องศา ยอดดอยสูงสุดชื่อดอยขุนลาน สูง 1,625 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง มีเทือกเขาหลวงพระบางทอดตัวจากทิศเหนือไปทางทิศใต้อันเป็นแนวเขตระหว่างประเทศไทยและลาว มีลำห้วยสำคัญๆไหลผ่านคือ ห้วยทรายมูล ห้วยสาลี่ ห้วยปายน้อย ห้วยปายหลวง ห้วยน้ำพาง ลำน้ำแปง ล้วนเป็นสาขาย่อยแม่น้ำน่านทั้งสิ้น มีป่าไม้ตั้งแต่ป่าเต็งรัง ป่าดงดิบแล้ง และป่าดงดิบชื้นคละกันไปอย่างลงตัว และมีการบุกรุกพื้นที่ป่าอยู่ทั่วไป
ภูมิอากาศแบบ 3 ฤดู ร้อนก็ร้อนแทบตับแตก หนาวก็หนาวจนสั่นหมอกลงคลุมทั่วพื้นที่ และยามฝนก็มีอย่างทั่วถึง สามฤดูกาลให้ภาพสวยงามแตกต่างกัน แต่วันนี้ พวกเรามาท่องเที่ยวตามทรัพยากรท่องเที่ยวที่ธรรมชาติสร้างไว้ให้ซึ่งเป็นกิจกรรมที่โดดเด่นของอุทยานนี้ ล่องแก่งน้ำว้า ครับผม
นี่แหละครับทีมลืมเฒ่าพันปี
หลังอาหารกลางวัน พวกเราใส่หมวกกันน็อค รับคำแนะนำในการพายและคำว่าทีมจากเจ้าหน้าที่ประจำเรือยาง ใส่เสื้อชูชีพป้องกันจมน้ำ โดยมีจุดเริ่มต้นที่บ้านน้ำปุ๊ อำเภอแม่จริม สิ้นสุดที่บ้านหาดไร่ อำเภอเวียงสา ระยะทาง 19.2 กม. ล่องได้ตลอดปีเว้นแต่ช่วงที่อยู่ในฤดูฝนที่มีน้ำไหลแรงมากเกินไป ไม่ควรเสี่ยง ตลอดระยะทางที่ล่องแก่งมีชายหาดให้พักเหนื่อย มีเกาะแก่งมากมาย มีน้ำดื่มพร้อมลูกอมสำหรับคนเป็นเบาหวาน ป้องกันไว้ดีกว่าแก้ แย่แล้วจะแก้ไม่ทัน
ก่อนลงชักรูปเป็นที่ระลึกและมีการหยอกเย้ากันว่า เผื่อใครตกน้ำหายไป แค่นี้ก็หัวเราะกันตรึม ทุกคนก้าวลงแพยางด้วยความกระหยิ่มยิ้มย่อง แต่บางคนก็หน้าตาซีดเซียว อาจจะยังไม่สร่างและอาจจะหวาดผวา แต่อย่างไรก็ตามกองเชียร์บนฝั่งก็ลุ้นกันตัวเกร็งไปตามๆกัน
ก่อนตกน้ำป๋อมแป๋ม
"บัดนี้ ทีมลืมเฒ่าก็จะได้ฤกษ์เบิกชัย ล่องแก่งน้ำว้าท้าทายอายุไขที่รวมกันแล้วกว่าพันปี นี่คือทีมเดียวแห่งปีของแม่น้ำว้า และไม่แน่ใจนะครับว่า จะเป็นทีมสุดท้ายหรือเปล่า ทุกคนพร้อมเชิญล่องได้ครับ"
เจ้าหน้าที่ประจำเรือกล่าวจบก็มีเสียงหัวเราะดังไปทั่ว ชาวบ้านที่มายืนดูหัวเราะกันคิกคัก ปัดโธ่เอ๋ย แก่ๆทั้งน้านจะไม่หัวเราะได้ยังไง
"จะรอดกลับมากี่คนวะงานนี้"
เรือยางลอยลำไปเอื่อยๆตามแรงของกระแสน้ำ รอยยิ้มยังเปื้อนหน้า มองขึ้นฝั่งไปทางซ้ายทีขวาทีตามประสานักวิชาการป่าไม้เก่า ช่วงที่ใบไม้เริ่มจะโรยรา เปลี่ยนสีไปตามชนิดพันธุ์ไม้ บางต้นใบแก่จะค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลืองและเหลืองอมน้ำตาล บางต้นสีแดงส้ม บางต้นสีเขียวเข้ม แต่ละชนิดไม้ให้สีต่างสันกันเช่นที่ธรรมชาติบันดาล
พวกเราคนหนึ่งมองไปทางซ้ายมือแล้วชี้ชวนให้ดู ดอกไม้สีส้มสดมีแต่ดอกล้วนๆ ใบร่วงหล่นหมดเครือแล้ว
"กวาวเครือแดงโว๊ย ต้นนี้แหละที่มีสรรพคุณทำให้แข็ง"
"อะไรแข็ง ตาแข็งหรือว่ากล้ามแขนแข็ง"มีคำถามกวนๆ
"กล้ามเนื้อเฉพาะส่วนของมึงแข็ง" คำตอบกวนโมโหดังขึ้น มีเสียงหัวเราะ
พอโผล่พ้นดงต้นไทรใบหนา นกเหยี่ยวบินออกจากร่มเงาถลาเร็วจี๋ลงน้ำ โฉบฉิวแล้วกรงเล็บแข็งแรงก็หนีบเอาปลาตัวเขื่องติดไปทันที วิถีชีวิตธรรมชาติของสัตว์ป่าทุกชนิดกลมกลืนและสมดุลย์
"ชายหาดข้างหน้าโน่น ถ้าป่ายังอุดมสมบูรณ์เหมือนแต่ก่อนนะ จะมีร่องรอยตีนเก้งกวางลงมากินน้ำในยามกลางคืนแน่นอน" อดีตป่าไม้เขตธานีเล่าขึ้น
"ต้นมะกอกป่าบนฝั่งใบกำลังแก่เหลืองๆนั่น ลูกมะกอกคงแก่และร่วงหล่นเป็นอาหารสัตว์ป่า พรานป่าจดจ้องส่องได้ทุกคืนก็แล้วกัน" อดีตป่าไม้อีกคนหนึ่งกล่าวเสริม
"ในผืนป่าที่ห่างไกลและมีแม่น้ำไหลผ่านอย่างนี้ละก้อ ได้นอนริมหาดทรายสักคืน ก่อไฟผิง ย่างปลา ปิ้งไก่ เป็นกับแกล้มชั้นเลิศเลย แต่มันต้องมีเหล้าด้วยนะ" คอสุรารำลึกถึงความสุนทรี
"มันผ่านไปแล้ว เมื่อก่อนเวลาเข้าป่า ช่างมีความสุขจนแทบสำลัก แต่วันนี้ไปทางไหนมีแต่ชุมชน ถนน รถยนต์ ความเจริญมันไล่เอาป่าหดหายไปเยอะเหลือเกิน" น้ำเสียงนักอนุรักษ์ตัวยงเศร้าจนน้ำตาชายชราแทบไหล
"นี่ไง คนแก่เลย รำพึงรำพันถึงแต่ความหลังแท้ๆ" ป้าไพโพล่งเสียงดัง หัวเราะกันครืน
ลูกทีมยังหนุ่มๆอยู่เลย
สรุปผลการทดสอบสมรรถนะทีมลืมเฒ่าพันปี ทุกคนผ่าน มีรายการตกน้ำป๋อมแป๋ม 1 คน ปลอดภัยรอดตายมาได้อย่างดี เยี่ยมๆๆ
เสียวไส้จริงๆ
ติดต่อล่องแก่งน้ำว้า อุทยานแห่งชาติแม่จริม ได้ที่
สงกรานต์ เขื่อนธนะ
ท่องเที่ยวครบวงจร