น้ำต้นทุนที่ใช้ซ้ำสอง
การรีไซเคิ้ลช่วยให้มลภาวะหลากหลายรูปแบบลดน้อยลง รู้กันว่าวัตถุหลายประเภทที่สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้ แม้กระทั่งน้ำที่ผ่านกระบวนการรีไซเคิ้ล จากน้ำที่ใช้อุปโภคบริโภคแล้ว เมื่อนำมาเข้ากระบวนการกลับสะอาดบริสุทธิ์จนใช้ได้เหมือนดังน้ำใหม่ แต่วันนี้อยากจะบอกว่า น้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้ามาแล้วก็เช่นกัน สามารถนำกลับมาผลิตกระแสไฟฟ้าได้ซ้ำสอง ใช้แล้วปล่อยให้ไหลใช้ในการเกษตรกรรม ปศุสัตว์ และอุปโภคบริโภคได้ดุจน้ำใหม่
เขื่อนศรีนครินทร์ อำเภอศรีสวัสด์ จังหวัดกาญจนบุรี เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวถึงปีที่ใหญาที่สุดในประเทศไทย สันเขื่อนยาว 610 เมตร กว้าง 15 เมตร สูง 140 เมตรจากฐานราก มีความจุเก็บกักน้ำได้ถึง 17,745 ล้านลูกบาศก์เมตร ซึ่งมีความจุเก็บกักมากที่สุด การเก็บกักน้ำดังกล่าวได้ทำให้เกิดเกาะแก่งมากมายหลายเกาะในทะเลสาบผืนนี้ เป็นความสวยงามที่เกิดขึ้น
ด้วยปริมาณน้ำมหาศาลดังกล่าว สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าด้วยเครื่องกำเนิดไฟฟ้า 5 เครื่อง โดยเครื่องที่ 1-3 มีกำลังผลิตเครื่องละ 120,000 กิโลวัตต์ ส่วนเครื่องที่ 4-5 เป็นเครื่องกำเนิดไฟฟ้าระบบสูบกลับ มีกำลังผลิตเครื่องละ 180 กิโลวัตต์ รวมทั้งหมด 5 เครื่องผลิตกระแสไฟฟ้าได้ 720,000 กิโลวัตต์ หรือสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้เฉลี่ย 1,250 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง
นอกจากนี้ยังปลดปล่อยน้ำเพื่อการเกษตรกรรมได้พื้นที่รองรับถึง 4,118 ล้านไร่ เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์ปลาน้ำจืดได้ในปริมาณมากมาย เป็นแหล่งอาหารที่ชุมชนใช้บริโภคและจำหน่ายเป็นรายได้ที่มั่นคง เพิ่มอาชีพให้กับเกษตรกรหรือชาวบ้ารนรอบๆพื้นที่อย่างกว้างขวาง
ช่วยให้เกิดอาชีพด้านการบริการการท่องเที่ยว เป็นแพพักและแพล่องท่องเที่ยวในทะเลสาบซึ่งได้รับความนิยมมาก มีการเปิดเกมส์กีฬาตกปลาให้เกิดขึ้นทั่วไป และยังความชุ่มชื้นแผ่กระจายไปรอบพื้นที่จากความชุ่มชื้นของน้ำในอ่างเก็บน้ำจำนวนนี้ ลดภาวะโลกร้อนได้ตามธรรมชาติ ถือได้ว่าเป็นต้นทุนทางธรรมชาติและสังคมที่เหนียวแน่นเอาการอยู่
แต่ในจำนวนปริมาณน้ำที่ปลดปล่อยออกไปจากเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะทาง 25 กม. พื้นที่โดยรอบระยะทางดังกล่าวเป็นภูเขา ฝั่งขวา(หันหน้าล่องตามน้ำ)เป็นพื้นที่อุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณ ฝั่งซ้ายเป็นพื้นที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระ ระหว่างทางที่น้ำไหลผ่านมามีการสร้างแพพัก รีสอร์ทใกล้แม่น้ำแควใหญ่หลายแห่ง
น้ำที่ไหลเลยลงมาได้ถูกเก็บกักอีกครั้งที่เขื่อนขนาดเล็กชื่อ เขื่อนท่าทุ่งนา อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวกับเขื่อนคอนกรีตในช่องทางระบายน้ำ ความสูงเขื่อน 30 เมตร สันเขื่อนยาว 840 เมตร กว้าง 8 เมตร ปริมาณน้ำที่เก็บกักได้ 280,000 ลบ.ม. ระดับสูงสุด รทก.59.70 เมตร ระดับต่ำสุด รทก. 55.5 เมตร
ที่นี่แหละครับ เป็นกระบวนการรีไซเคิ้ลน้ำที่ใช้ผลิตกระแสไฟฟ้ามาแล้วให้กลับมาใช้ได้อีกครั้งอย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีเครื่องผลิตไฟฟ้าชนิดกระแสสลับระบายความร้อนด้วยอากาศ จำนวน 2 เครื่อง เครื่องให้กำลังผลิต 19 เมกะวัตต์ กำลังผลิตทั้งสิ้น 38 วัตต์ ให้พลังงานไฟฟ้าเฉลี่ยปีละ 170 ล้านกิโลวัตต์ต่อชั่วโมง ได้ประโยชน์สองต่อในน้ำหยดเดียวกัน
นอกจากนั้น ยังได้ความชุ่มชิ้นอีกระยะหนึ่งที่น้ำถูกเก็บกักและไหลผ่าน ได้ปริมาณน้ำที่เก็บกักได้มากขึ้น เพิ่มศักยภาพการใช้ประโยชน์น้ำมากขึ้น ปริมาณความชุ่มชื้นที่เกิดขึ้นจากน้ำที่ถูกกักเก็บตรงเขื่อนท่าทุ่งนาเพิ่มความชุ่มชิ้นให้กับป่าไม้ของสองฟากฝั่งอันเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าสลักพระและอุทยานแห่งชาติน้ำตกเอราวัณมากขึ้นอีกคำรบหนึ่ง
แต่ถ้าถามว่า เขื่อนศรีนครินทร์และเขื่อนท่าทุ่งนา มีอายุงานใช้ได้กี่ปี ตอบไม่ได้ เพราะว่าในข้อเท็จจริงค้นหาข้อมูลจากฝ่ายใดไม่ได้คำตอบ และถ้าถามว่า น้ำที่ผ่านกระบวนการผลิตกระแสไฟฟ้าแล้วแต่ละครั้งนั้น มีมลภาวะหรือสิ่งเจอปน หรือปฏิกริยาจากกระบวนการผลิต ที่อาจจะเป็นอันตรายต่อชีวิตและสิ่งแวดล้อมหรือไม่ ตอบไม่ได้ เพราะว่าค้นหาข้อมูลจากฝ่ายใดไม่ได้ ก็ต้องถือว่าน้ำก็คงเป็นน้ำ มองดูผิวเผินก็ต้องกล่าวว่า ใส สะอาดตา น่าลงเล่นมาก
และถ้าถามว่า จากปริมาณน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนท่าทุ่งนา มีผลต่ออาชีพประมงรูปแบบใดบ้าง ช่วยให้ชาวประมงเหล่านั้นมีรายได้จากท้องน้ำผืนกดังกล่าวแต่ละวัน แต่ละปี มากน้อยแค่ไหน มีผลต่อการเพิ่มผลผลิตด้านการเกษตรกรรม (พืชผัก ผลไม้ ) มากขึ้นเป็นมูลค่ามากน้อยเพียงใด รูปแบบที่ชัดเจนว่า เป็นพืชผักอายุสั้นเท่าใด เป็นไม้ผลยืนต้นเท่าใด มิใช่แค่ตอบสั้นๆว่า มีจำนวกี่ไร่
ด้านอาชึพปศุสัตว์ที่ได้อาศัยน้ำในการเลี้ยงและบำรุง ในพื้นที่ดังกล่าว จากทั้งหมด 4,118 ล้านไร่ มีผลกระทบเชิงบวกจากน้ำด้านปศุสัตว์มากน้อยเพียงใดหรือไม่ ช่วยให้เกิดความสมบูรณ์แก่ชีวิตของสัตว์เหล่านั้นมากขนาดไหน และถ้าถามอีกว่า อาชีพบริการการท่องเที่ยว ที่เพิ่มขึ้นจากการมีทะเลสาบในพื้นที่ได้เปลี่ยนแปลงอาชีพของประชาชนโดยรอบมากน้อยเพียงใด มีรายได้เพิ่มมากขึ้นหรือไม่ มากขนาดไหน
หากจะสรุปน้ำต้นทุนที่สามารถรีไซเคิ้ล (Recycle) มาใช้ได้หลายครั้งหลายหน ได้ประโยชน์ทับซ้อนหลายอย่างหลากหลายนั้น ทำให้เกิดความพึงพอใจและได้ประโยชน์อย่างยั่งยืนแก่เหล่าเกษตรกร บริกร เจ้าของกิจการ ประชาชนคนรอบพื้นที่ มีมากน้อยเพียงใด อันเป็นผลพวงจากการสร้างเขื่อนแล้วใช้ประโยชน์ในการผลิจกระแสไฟฟ้าเพื่อใช้ประโยชน์หลากหลายสาขาดังกล่าว ซึ่งน่าจะเป็นคำตอบที่ช่วยแก้ต่างในการใช้พลังน้ำผลิตกระแสไฟฟ้าได้อย่างเป็นวิชาการ
สำหรับผู้เขียนสนุบสนุนกรณีการใช้ทรัพยากรธรรมชาติใดๆ หรือน้ำ เพื่อการใดๆ ที่ช่วยให้การดำรงชีวิตอยู่ของมวลมนุษยชาติที่ไม่ไปก่อให้เกิดผลกระทบต่อสรรพชีวิตอย่างที่เรียกว่า เกิดความล่มสลาย ในปัจเจกที่สำคัญคือ สิ่งที่มีชีวิตทุกสิ่งล้วนมีความเคลื่อนไหวและการอพยพเสมอ