ผลงานใกล้ตัวเรื่องน้ำ
พูดถึงอำเภอด่านมะขามเตี้ย จังหวัดกาญจนบุรี ภาพที่เห็นคือท้องทุ่งที่ลาดเนินที่แห้งแล้ง ดินเป็นทราย ไร้ต้นไม้ป่าปกคลุม มีแต่ไร่มันสำปะหลัง พืขไร่ราคาถูกๆเช่นข้าวโพดอาหารสัตว์ เพราะว่าพื้นที่ทั้งลุ่มน้ำแม่กลองที่มีปัญหามากที่สุด อยู่ที่แม่น้ำสาขาลำภาชี โดยเฉพาะที่สาขาย่อยของลุ่มน้ำลำภาชีเช่นลุ่มน้ำห้วยสีเสียด ปราศจากป่าปกคลุม 100 เปอร์เซ็นต์ ภาวะการขาดแคลนน้ำอยู่ในอาการที่หนักมากๆ
ด้วยเหตุผลดังกล่าว กรมทรัพยากรน้ำ โดยอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำ นายอดิศักดิ์ ทองไข่มุกต์ จึงได้สั่งการให้สำนักทรัพยากรน้ำภาค 7 ราชบุรี ซึ่งรับผิดชอบพื้นที่บริเวณดังกล่าวทำการศึกษาและพบว่า ในแผนพัฒนาลุ่มน้ำลำภาชี มีปริมาณน้ำท่ามาก แต่สภาพดินและลักษณะพื้นที่ไม่สามารถเก็บกักน้ำไว้ได้ ทำให้เกษตรกรในพื้นที่ 3 หมู่บ้านอันได้แก่ บ้านหนองผู้เฒ่า บ้านหนองปลาซิว และบ้านหนองหัววัว จำนวน 178 ครัวเรือน เดือดร้อนเพราะว่าน้ำต้นทุนขาดแคลน ผลผลิตทางการเกษตรกรรมตกต่ำลงเรื่อย รายได้จึงไม่แน่นอน
เพื่อแก้ปัญหาดังกล่าว กรมทรัพยากรน้ำจึงได้อนุมัติงบประมาณ ให้ก่อสร้างฝายน้ำล้นห้วยลำสีเสียด เป็นเงิน 27,870,000 บาท ก่อสร้างเสร็จตามแผนเมื่อปีพ.ศง2551 ลักษณะฝายเป็นคอนกรีตเสริมเหล็กแบบสันมนสูง1.00 เมตร มีบานระบายน้ำวางบนสันฝาย ขนาด 2.3x6.00 เมตร
จำนวน 4 บาน ความสันฝาย 25.00 เมตร เก็บกักน้ำได้ 200,000 ลบ.ม. ท้องอ่างเหนือฝายเบิกกว้างเป็นลำยาวเหนือน้ำ น้ำที่ท้นส่งผลให้เกิดความชุ่มมื่นไปหลายกิโลเมตรจากหน้าฝาย
นายประชา ตั้งธรธานิช ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำภาค 7 ราชบุรี กล่าวว่า ผลผระโยชน์จากการสร้างฝายน้ำล้นห้วยลำสีเสียด เป็นพื้นที่ถึง 1,700 ไร่ เพื่อการเกษตรกรรมสาขาต่างๆเช่น การปลูกพืขไร่ การเลี้ยงวัวนมและวัวเนื้อ นอกจากนี้ยังช่วยเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำจากการปล่อยปลาโตเร็วอีกมากมาย ได้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์และขยายพันธุ์เพิ่มคุถณค่าเรื่องอาหารแก่ชุมชนทั้งสามหมู่บ้านด้วย
นางสำรวย วันทอง อยู่บ้านเลขที่ 127 ม.2 บ้านหนองผู้เฒ่า ต.ด่านมะขามเตี้ย อ.ด่านมะขามเตี้ย จ.กาญจนบุรี ซึ่งแต่ก่อนการสร้างฝายน้ำล้นห้วยลำสีเสียด ปลูกอ้อยเป็นอาชีพและรับจ้างทั่วไป รายได้ก็ตามสภาพของธรรมชาติที่เอื้ออำนวยให้ได้ ไม่ค่อยแน่นอน เพียงแต่ได้เงินเดี๊ยวมาใช้ก่อนเท่านั้นก็ต้องทำ เพราะว่าสภาพดินและน้ำไม่ดีเท่าที่ควร เนื้อที่ไร่แค่ 10 ไร่เท่านั้น
ต่อมาเมื่อมีการมาสร้างฝายน้ำล้นห้วยลำสีเสียด บอกได้ว่า ได้เปลี่ยนจากการปลูกไร่อ้อยมาเป็นปลูกหน่อไม้ฝรั่ง 2 ไร่ อีก 8 ไร่แบ่งให้ชาวบ้านที่ไม่มีที่ดินใกล้ฝายน้ำล้นแห่งนี้เช่ารายละ 2 ไร่ รายได้จากการทำเองและเช่า (25-30%ของเงินรายได้จากการขายหน่อไม้ฝรั่ง) สบายขึ้นมาก ผลผลิตจากหน่อไม้ฝรั่งที่ขายให้กับแหล่งรับซื้อในชุมชน กก.ละ 61 บาท เกรดเอ ที่ลำต้นอวบอ้วน ยาว 25 ซม. มีความสดและรสชาติหวานกรอบ
รายได้แรกปลูกไม่ค่อยได้มากนัก ต่อเมื่อต้นกล้าสมบูรณ์มากขึ้น แต่ละกอแทงหน่อมากขึ้นๆ ผลผลิตที่ขายได้ทุก 20 วัน ก็ได้ขนาดไร่ละ 40,000 บาทเศษ ปีไหนอากาศยิ่งหนาวเย็นมากยิ่งให้ผลผลิตมากขึ้น และที่สำคัญที่นี่ปลูกแบบปลอดสารพิษ ใช้วิธีธรรมชาติกำจัดและป้องกันโรคและแมลงรบกวน
เดิมแถวนี้ก็ปลูกไร่อ้อย ข้าวโพดสัตว์ มันสำปะหลัง ไผ่ ผักที่เป็นอาหารคนเช่นหน่อไม่ฝรั่งไม่มีอยู่ในสารบบเลย แต่ทุกวันนี้การปลูกด้านเกษตรกรรมเปลี่ยนแปลงไปเพราะว่าน้ำที่อุดมสมบูรณ์ขึ้น มีมากขนาดวางระบบน้ำแบบสปริงเกอร์ได้ทั้งแปลง ดินมีความชุ่มชื้นสูงขึ้น ผลผลิตจึงมากขึ้นๆ แม้แต่ข้าวโพดอาหารสัตว์ก็ถูกเปลี่ยนเป็นข้าวโพดหวาน
พูดถึงข้าวโพดหวาน ใช้เวลาปลูกราวๆ 45 วันก็เก็บผลผลิตได้ ไร่ละประมาณ 1-2 ตัน ขายได้กิโลกรัมละ 3-6 บาท ขึ้นอยู่กับกลไกการตลาด ส่วนใหญ่ที่นี่หักข้าวโพดแล้วไปขายส่งที่พ่อค้าคนกลางในชุมชน เพื่อส่งเข้าไปขายต่อตลาดกลางการเกษตรต่อไป เป็นรายได้ที่ยังไม่ได้เพิ่มมูลค่าสินค้าใดๆ
อยากจะบอกว่า นี่ถ้าได้รับการส่งเสริมการตลาดและการเพิ่มมูลค่าผลผลิต จะสามารถเพิ่มยอดเงินรายได้ได้มากขึ้นกว่าทุกวันนี้หลายเท่าตัว นั่นหมายความว่า ขบวนการผลิตข้าวโพดหวานต้มหรือเผา หรือผลิตเพื่อการทำข้าวโพดหวานกระป๋อง หรือผลิตเมล็ดข้าวโพดหวานเพื่อการจำหน่ายเมล็ดพันธุ์ กรมทรัพยากรน้ำ กรมส่งเสริมการเกษตร กรมพัฒนาชุมชน ใครควรรับผิดชอบในการพัฒนาเรื่องเหล่านี้ต่อไป
แต่อย่างไรก็ตาม ฝายน้ำล้นห้วยลำสีเสียดกั้นเก็บกักน้ำไว้ใช้ได้ระดับหนึ่ง พื้นที่ใต้ฝายน้ำล้นอีกจำนวนไม่น้อยต้องขาดแคลนน้ำ และมีปัญหามากมายเรื่องน้ำเช่นกัน ปริมาณน้ำท่าที่ไหลล้นฝายลงไปยังคงไหลเลยไปลงลำภาชีและแม่กลองจนหมดสิ้น กรมทรัพยากรน้ำต้องหาทางเพิ่มศักยภาพแหล่งน้ำ หรือต้นน้ำ หรือสร้างฝายน้ำล้นเป็นระยะในลำห้วยเดียวกันนี้หรือไม่
เพื่อให้เกิดความยุติธรรมในการจัดการทรัพยากรน้ำอันเป็นสาธารณะ ที่ทุกคนตลอดสายน้ำควรได้รับอย่างทั่วถึง เท่าเทียม ในปริมาณที่มากพอเพียงที่จะป้อนความต้องการใช้น้ำ
ตลอดปี และมีคุณภาพที่ปราศจากตะกอนและสิ่งเจอปนใดๆ ถ้าไม่พัฒนาให้กับคนใต้น้ำ สักวันหนึ่งอาจเกิดการบุกทุบฝายน้ำล้นออกเพื่อให้น้ำไหลเลยไปใต้น้ำก็ได้
แต่ที่น่าตกใจมากคือพื้นที่ต้นน้ำฟ้วยลำสีเสียดซึ่งเป็นสาขาย่อยของน้ำลำภาชี ไม่มีพื้นที่ป่าปกคลุมอยู่เลย เมื่อฝนตกย่อมกัดชะดินจนเป็นตะกอนไหลลงไปสู่ฝายน้ำล้นแน่นอน อายุฝายน้ำล้นก็ย่อมจะต้องสั้นลง การบำรุงรักษาให้ท้องฝายเก็บกักน้ำได้เหมือนเดิมคงต้องตระหนัก หน่วยงานบำรุงต้องมีงบประมาณในการขุดลอกเตรียมไว้ได้เลย