http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,991,063
Page Views16,299,196
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

จอมโกงจอมภู ตอน 17 แสงเทียนส่องสว่างกลางไพร

จอมโกงจอมภู ตอน 17 แสงเทียนส่องสว่างกลางไพร


จอมโกงจอมภู ตอน 17 แสงเทียนส่องสว่างกลางไพร

 

                 สายมากแล้ว มณีนั่งทำงานหนังสืออยู่ในที่ทำการ  ประเสริฐออกไปดูการทำแนวกันไฟป่า มณีนั่งคิดทบทวนพฤติกรรมที่ทำอยู่และเสียงแว่วๆ จากเมียที่หอบลูกสองคนขึ้นมาเยี่ยม เด็กกรุงถูกเด็กดอยชักจูงลงไปเล่นในหมู่บ้านตั้งแต่เช้า แต่แม่ของลูกเฝ้าสามีอยู่ไม่ห่าง ก็ห่างไกลกันมานาน จึงอยากอยู่ใกล้ๆ  มันคือเรื่องปกติธรรมดา  แม่บ้านชงกาแฟมาส่งให้ที่โต๊ะทำงานแล้วนั่งลงตรงหน้า

           “เมียเพื่อนพี่เขาเล่าให้ฟังว่า เขาได้เดือนละหมื่นห้า เงินเดือนไม่เกี่ยว  พี่ไม่คิดถึงเรื่องนี้บ้างหรือคะ?”

           “รออีกสักปีก็แล้วกัน  ปีนี้งานมันหนัก  หมุนไม่ได้เลย มณีตอบแผ่วๆ สายตาหม่นมัวสีหน้าเครียดๆ

           “ได้ ! แล้วจะรอ  จะทำอะไรให้ใครก็ให้ได้มันดีค่ะพ่อ  แต่อย่าลืมให้กับตัวเองและครอบครัวบ้างนะคะ แม่บ้านเตือนสติ

           “ผู้ใหญ่คนหนึ่งว่าต้นไม้มันอยากมีชีวิต อีกคนหนึ่งให้ผูกคอตายเสียดีกว่า ต้นไม้ไม่มีเลย  รับปากท่านแล้วก็ต้องทำ ชาวบ้านก็เดินขบวนกันอยู่เรื่อย ชาวบ้านที่เป็นคนงานก็ขาดพวกเขาไม่ได้ ไม่มีเขางานก็ไม่ราบรื่นคิดไม่ถึงเหมือนกันว่าจะมาเจอเหตุการณ์อย่างนี้ กะว่าทีเราบ้างแล้ว แต่กลายเป็นต้องทำงานหนักเป็นสามเท่าคนอื่นๆ

            มณีบอกเล่าด้วยความทดท้อใจ  มองสบตาที่เคยหวานซึ้งแต่วันนี้ชาเย็นไม่ใส่นมด้วย หวังว่าเมียจะเข้าใจ 

ทันใดก็มีรถยนต์วิ่งเข้ามาจอดหน้าที่ทำการ  ครูเทียนเดินลงมาด้วยใบหน้าที่มีความสุข ยิ้มแย้มแจ่มใสตามปกติของครู    มณีและแม่บ้านรีบลุกเดินไปรับแล้วยกมือไหว้ด้วยความนอบน้อม


                                 
           
ดีใจด้วย  โรงเรียนเปิดได้เสียที

            ครูเทียนยกมือรับไหว้แล้วร้องบอกข่าวดี พลางตบไหล่มณี  แล้วเดินเข้าที่ทำการ ท้องม้วนยกน้ำเย็นมารับรองแขกตามเคย

            ปีการศึกษาที่จะถึงนี้หรือครับ?” มณีดีใจจนออกนอกหน้า  แม่บ้านหลบฉากเข้าครัว

            แต่เปิดเป็นโรงเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านหนองห้านะมณี  ปริมาณเด็กกับงบประมาณบังคับให้ทำได้แค่นี้ จะมีครูส่งมาช่วยสอน 2 คน เป็นรักษาการครูใหญ่ 1 คน ครูน้อยอีก 1 คน ครูเทียนเล่าต่อ

            ครูจะพอสอนหนังสือเด็กหรือครับครู?” มณีสงสัยมองหน้าครูเทียน

            แรกๆ นี่คงเปิดสอนชั้น ประถมศึกษาปีที่ 1-2 ตามที่มีเด็กอยู่และเคยผ่านโรงเรียนอื่นมาบ้างแล้ว  มณีคงต้องเหนื่อยหน่อย ช่วยหาเอกสารต่างๆ ที่เขาจะหาได้  สูติบัตร  สำเนาทะเบียนบ้าน  หนังสือรับรองจากโรงเรียนเก่า ทะเบียนบ้านมีแล้วใช่ไหม?”  ครูเทียนหันมาถาม

            ทะเบียนบ้านมีครับ  สูติบัตรนี่ไม่แน่ใจ  หนังสือรับรองโรงเรียนเก่า คงต้องแจ้งเขาแหละครับครูมณีพูดต่อ

            “ครูครับ  หน่วยผมต้องใช้แรงงานมาก  แม่ที่ออกลูกมาแล้วก็ต้องทำงาน ถ้าทำคนเดียวเขาก็ไม่ค่อยพอใช้ด้วย  ผมอยากจะเปิดเป็นเลี้ยงเด็กเล็กตั้งแต่ 1 ขวบครึ่งไปจนถึง 4 ขวบ แล้วก็เป็นอนุบาล 1-2 ด้วยครับ”  มณีปรึกษาครูเทียนๆ นั่งฟังด้วยความสนใจ

            มณีต้องจ้างครูเพิ่มเติมแล้วละ  วุฒิครูตกงานเยอะแยะไป  ประกาศปุ๊บก็มาปั๊บแหละ เอาสัก 2 คนก็พอ เออ มีเด็กเท่าไรมณี?”  ครูเทียนแนะนำและสอบถามข้อมูล

            เด็กเล็กๆ ก็สัก 8 คน เด็กอนุบาล 12 คน เด็กประถมก็ราวๆ 22 คนครับ ขาดเกินคงไม่เท่าไร


                               
                มณีตอบ ครูเทียนลากลับและมณีทำงานทันทีในคืนนั้น 
เชิญประชุม เฉพาะคนที่มีลูก แต่ก็แทบทุกครอบครัวนั่นแหละ  เมื่อมากันพร้อมหน้า มณีแจ้งให้ทราบด้วยใบหน้ายิ้มระรื่น แต่ชาวบ้านและเด็กๆแสดงสีหน้า แววตา และอากับกริยาดีใจมากกว่าที่มณีคิดถึง  เด็กๆ คุยกันเซ็งแซ่ มณีมองดูแล้วยิ้มอิ่มใจ  เด็กด้อยโอกาสพวกนี้ ที่แท้จริงวันหนึ่งคือกำลังของชาติ ถ้าขาดการศึกษา ก็ต้องทำไร่แบบเดียวกับพ่อแม่พี่น้อง  แต่ถ้าได้เรียนหนังสืออาจมีโอกาสเป็นช้างเผือก และอย่างน้อยก็มีการศึกษาไปหางานทำได้ดีกว่าบุกรุกป่าทำไร่เลื่อนลอยแน่นอน  ป่าก็อาจจะปลอดภัยมากขึ้น

               “ผู้ช่วยประเสริฐจะรอรับเอกสาร มีใครเคยเรียนที่ไหนมาไหม?” มณีถาม เงียบไม่มีคำตอบ

               “ถ้าเคยก็ไปขอหนังสือรับรองมาด้วยจะได้เรียนต่อจากชั้นเดิม สูติบัตรใบเกิดน่ะมีกันไหม   สำเนาทะเบียนบ้านทุกครอบครัวมีแล้วนี่  งานนี้ทุกคนต้องเตรียมให้แล้วเสร็จก่อนเดือนมีนาคมนะครับ  เดือนพฤษภาคมพวกเราจะได้เปิดโรงเรียนของเราเสียที   

               ประเสริฐขึ้นมาพูดคุยกับชาวบ้านต่อ กำหนดการเรื่องไปหาเอกสารต่างๆ ได้รายละเอียดเพิ่มเติมว่ามีใครบ้างที่เคยเรียนมาแล้ว ที่ไหน  ชั้นอะไร  จำนวนเท่าไร  แต่ละชั้นจะมีเด็กกี่คน  แต่ถึงอย่างนั้น ประเสริฐก็วุ่นวายกับเรื่องของเด็กๆอยู่หลายวัน

               และเมื่อรวบรวมเอกสารของทุกคนได้ครบถ้วนแล้ว  มณีก็เอาเอกสารทั้งหมดไปส่งให้ครูเทียนที่โรงเรียนบ้านหนองห้า  ครูเทียนดำเนินกรรมวิธีต่อไป  จนในที่สุดได้กำหนดการเปิดโรงเรียนที่ชัดเจนว่า วันที่ 20 พฤษภาคม เพราะว่ารอให้โรงเรียนปกติเปิดเรียนไปก่อน แล้วจะได้มีเวลามาร่วมงานเปิดโรงเรียนสาขา เพื่อให้งานเรียบร้อย 

               วันหนึ่งครูเทียนพาครูหนุ่มมาด้วย
2 คน และครูสาว อีก 2 คนมาแนะนำ



             
        

         “มณี  นี่ครูใหญ่รักษาการ ครูมิ่งขวัญ  นั่นครูโสภณ และโน่นอีก 2 สาว ครูช่วยสอนที่มณีต้องจ้างเอง เพื่อจะได้เปิดสอนตามที่มณีต้องการชื่อ อรอนงค์กับอมรา” 
ครูเทียนแนะนำ  มณียกมือรับไหว้ เพราะว่าครูแต่ละคนหนุ่มกว่ามณีทั้งสิ้น มณีแนะนำผู้ช่วยประเสริฐ และแล้วคืนนั้นการสานสัมพันธ์ก็เต็มไปด้วยความสนุกสนาน  สุรา  อาหาร  และเสียงเพลงเมื่อได้ที่ ดนตรีเป็นช้อนและจาน เคาะให้จังหวะ ที่แท้ครูใหญ่รักษาการเก่งทางดนตรีและร้องเพลง เป็นคนอารมณ์ดี สนุกสนาน และเป็นกันเองมาก

           “ครูครับ  ตกลงประเสริฐสำรวจได้เด็กเล็ก 10 คน  อนุบาล 12 คน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 จำนวน 21 คน ชั้นประถมศึกษาปีที่ 2 จำนวน 5 คน รวมเป็น 48 คนครับ” มณีรายงานครูเทียนตามเอกสารที่สำแดงความถูกต้อง  แม่บ้านและลูกๆของมณีเดินทางกลับไปบ้านที่กรุงเทพ มณีไม่ได้ตามลงไปด้วยเช่นที่เคยปฏิบัติ

            มณีกับประเสริฐช่วยกันซื้อเสื้อผ้าทั้งเด็กหญิงเด็กชายในตลาด  รองเท้า  ถุงเท้า ตามที่ได้วัดตัวและจดเป็นบัญชีไว้ให้ ไม่มีใครถามว่า มณีเอาเงินที่ไหนไปซื้อเสื้อผ้าแจกเด็กๆ คงชาชินกันแล้วกับคำว่า

            “ก็โกงเงินหลวงมาซี เทคนิคการโกงมีสารพัดรูปแบบ

            มณีสั่งให้หาช่างมาตัดผมนักเรียนใหม่ทุกคน  เด็กๆ ตื่นเต้นกันมาก แต่ก็ยังไม่เท่ากับพ่อแม่ปู่ย่าตายายที่ยืนดูอยู่ บางคนยืนมองด้วยรอยยิ้มและน้ำตาคลอ  บางคนหัวเราะจนน้ำหมากกระเด็นกับเหตุการณ์ที่โกลาหล มณียืนมองยิ้ม ๆ

            “เอ้า ตา มาตัดผมหน่อยมณีเรียก ตาลูกสาวลุงพุฒ ตาเดินเข้ามาหา

            “มาแล้วค่ะ

            ตามายืนตรงหน้ามณีๆ ยิ้ม เหลือบมองป้าม้วนกับลุงพุฒที่ยิ้มจนเหงือกแดง มณีเอื้อมมือไปแตะไหล่แล้วจูงไปหาช่างผู้หญิง

            “ช่างอยู่นี่ ไม่ใช่ลุงจ้ะ เอาตัดให้สวยๆ เลยนะ” ช่างยิ้มด้วยความเอ็นดู แล้วลงมือหวีผม แต่แล้วก็ดึงกันอยู่นาน ผมติดหนึบ

           “โอยๆๆตาร้องลั่น เจ็บๆๆ หนูเจ็บ” เสียงที่ตะเบงดังมากขึ้นๆ

           “เอาอย่างนี้ดีกว่า จับไปสระผมก่อน ผมเป็นสังกะตังเลย หวีไม่ออก ตัดยาก

            ช่างว่าแล้วก็ส่งเด็กหญิงตาไปสระผม เพียงแค่เรื่องเสื้อผ้า หนังสือ และตัดผมเผ้าของนักเรียนใหม่ มณีกับประเสริฐก็แทบจะลืมงานในหน้าที่ไปทีเดียว โต๊ะเก้าอี้เก่าจากโรงเรียนบ้านหนองห้า ช่างไม้กับผู้ปกครองช่วยกันซ่อมและทาสีใหม่จนสวย  โรงผึ่งเมล็ดไม้กลายเป็นโรงเรียนสมใจ  แล้วกั้นแบ่งเป็นห้องเรียน 4 ห้อง ห้องพักครูอีก 1 ห้อง  โต๊ะครูก็ใช้โต๊ะนักเรียนที่ซ่อมใหม่ พร้อมเพรียงกระทั่งป้ายชื่อโรงเรียนภูพยับหมอก สาขาโรงเรียนบ้านหนองห้า 



              

        “ประเสริฐ  ติดโปสเตอร์เชิญชวนให้มารำวงย้อนยุคกับสาวบ้านป่าที่ภูพยับหมอก  ถ้ามีหนุ่มๆมาเที่ยวมากเท่าไร  เราก็จะได้เงินทุนมากเท่านั้น  เฮ้ย! ติดเยอะๆ นะ  ให้ไอ้สามันเขียนเอาแล้วกันง่ายๆ ดี “  

          ก่อนวันงานเปิดโรงเรียน  ทีมงานก็ติดป้ายเชิญชวนไปทั่วอำเภอนาน้อย  อำเภอเวียงสา  หมู่บ้านต่างๆ ที่อยู่ใกล้เคียง  ท่านนายอำเภอแจ้งเวียนให้ทุกหน่วยงานทราบและมาร่วมเป็นเกียรติในงานเปิดป้ายอาคารเรียน

          คืนก่อนวันงาน มณี ครูใหญ่ ครูช่วยสอน ผู้ปกครองนักเรียน ได้ร่วมกันซ้อมพิธีการล่วงหน้า เพื่อให้เกิดความเรียบร้อย ซ้อมกันอยู่หลายรอบ กว่าแถวนักเรียนจะไม่เลื้อยเป็นงู แต่ละเที่ยวที่ซักซ้อม เรียกเสียงหัวเราะกันเป็นที่สนุกสนาน ใช่ ! ยิ่งกว่าจับปูใส่กระด้ง  

          วันที่ 20 พฤษภาคม  รองอธิบดีกรมป่าไม้ นายอุกฤต มหากาฬ ผู้ที่ขยับขึ้นไปจากตำแหน่งป่าไม้เขตแพร่มาเปิดโรงเรียนด้วยตนเอง  คณะครูโรงเรียนบ้านหนองห้าและการประถมศึกษาอำเภอนาน้อยมาร่วมงาน  นายอำเภอติดราชการไปประชุมกระทรวงมหาดไทย ปลัดอาวุโสจึงมาแทน  และจะเป็นวันแรกที่เด็กบ้านป่าได้เรียนหนังสือกับเขาเสียที  ชาวบ้านแต่งทั้งหล่อและสวยเต็มพิกัดมายืนร่วมพิธีเปิดด้วย  นักเรียนเข้าแถวโค้งเป็นงูเลื้อย  ครูใหญ่เทียนกล่าวรายงาน ท่านรองอธิบดีกรมป่าไม้เปิดแพรคลุมป้าย เด็กนักเรียนเข้าห้องเรียน และเริ่มต้นการสอนในทันใด เอาฤกษ์เอาชัยตามธรรมเนียม

          คณะเดินทางไปดูหมู่บ้านและรับประทานอาหารเที่ยงที่ศาลากลางน้ำของหมู่บ้าน

         “หมู่บ้านสวยมากนะมณี” ท่าน รองอธิบดีกล่าวชมเชย พลางกวาดสายตาไปรอบๆ 

          “มีที่ว่างมากด้วย นักเรียนหัดปลูกผักได้สบายเลยครับ  จะได้เรียนรู้และเป็นอาหารกลางวันเด็กๆครูเทียนเสริม มณีขยายความต่อ

                                

            ค่ำลง  คณะผู้ใหญ่กลับกันไปหมดแล้วเหลือแต่ชาวบ้านและเพื่อนบ้านจากหมู่บ้านใกล้ๆ  เด็กนักเรียนเปลี่ยนชุด กลัวเปื้อน  คณะครูโรงเรียนบ้านหนองห้า โรงเรียนสาขา และโรงเรียนอีกหลายโรงเรียนที่มาร่วมงาน ยังอยู่เพื่อช่วยงานหาทุนให้โรงเรียนไว้ใช้จ่าย  เวลทีรำวงตั้งอยู่มุมสนาม ไฟฟ้าหลากสีสว่างพรึบ  สาวๆ นักเต้นนั่งรอคู่เต้น  หนุ่มๆ ต่างบ้านแห่กันมาจากไหนบ้างก็ไม่รู้ แต่มากันนับร้อยๆคน ตำรวจจากสถานีนาน้อยเฝ้าระวังและเดินคุมเชิง
2 คน ดนตรีคณะหิ่งห้อยน้อยแสงเริ่มต้นบรรเลง เริ่มด้วยเพลงไหว้ครู สาวๆ เต้นบูชาครู 1 รอบ  
      
            พอหย่อนก้นนั่ง   พิธีกรคืนนี้เป็นครูมิ่งขวัญครูใหญ่ของเรา เริ่มทำหน้าที่ทันที เสียงใสๆเชิญชวนหนุ่มเฒ่าหนุ่มน้อยให้ซื้อบัตรรำวง แล้วบอกว่าเพลงต่อไปจังหวะอะไรตามฟอร์ม  ครูโสภณเดินเก็บบัตรอยู่บนเวที  ครูอรอนงค์กับครูอมราขายบัตรที่ข้างเวที  ประเสริฐอำนวยการทุกด้าน

            “เชิญเลยครับ เชิญเลยรอบนี้สามช่า รอบหน้ารำวงครับ

            เสียงนกหวีดเป่าปี๊ด นางรำที่ได้รับความร่วมใจจากชาวบ้านที่จับกันแต่งองค์ทรงเครื่องเป็นนางรำจำเป็น หาทุนเพื่อโรงเรียนบ้านภูพยับหมอก สาขาโรงเรียนบ้านหนองห้า หนุ่มๆ ปีนบันไดไต่ระดับขึ้นเวทีแล้วยื่นบัตรให้นางรำๆ ลุกขึ้นยิ้มให้แล้วเต้นนำหนุ่มๆ ผวาเต้นตามติดๆ ต่างก็วาดลวดลายกันเต็มที่


            “รอบหน้าครูแสวงเหมาครับ  สมทบทุนการศึกษาครับ ตะลุงตุงใจครับ  เอ้าๆ ครูแสวงปีนขึ้นบันไดดีๆ เดี๋ยวตกตายหรอก

                          



         ครูใหญ่มิ่งขวัญเรียกเสียงหัวเราะได้อีก  ครูแสวงเมาไปเต้นไปอย่างกับงูเลื้อย  แต่ไม่ลุ่มล่ามสาวงามใดๆ โธ่
! ก็นางรำแต่ละคนน่ะ ลูกศิษย์ครูทั้งนั้น

ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่สนุกสนานอีกคืนหนึ่ง  แต่แฝงไว้ด้วยกลไกของการจัดตั้งกองทุนแรกของโรงเรียนบ้านภูพยับหมอก เสียงพิธีกรจำเป็นทำงานหนัก

         “รอบหน้า หนุ่มๆ รีบเลย  สามช่าซ่าแหลก 2 รอบติดกันครับ

         เสียงนกหวีดดังลั่น เพลงรัวจังหวะเป็นระวิง นักเต้นส่ายกันสุดเหวี่ยง เวทีแทบโยก

         หลังเที่ยงคืน นางรำจะรำรอบสุดท้าย  พิธีกรครูใหญ่มิ่งขวัญประกาศยอดเงินรายได้ตั้งกองทุน พี่น้องครับ  ในค่ำคืนนี้เราได้เงินตั้งกองทุนให้โรงเรียนบ้านภูพยับหมอกรวมทั้งสิ้น  9,008 บาท  เป็นเงินสด 8,768 บาท  เอะ! ทำไมขาดไป 240 บาท  อ้อๆ! เจอแล้วๆ อีก 240 บาท  ครูแสวงแปะสิ้นเสียงครูมิ่งขวัญ เสียงฮาตึงดังขึ้น


                        


        “ขอเชิญ หัวหน้ามณีมอบเงินรายได้ให้กับทางโรงเรียนครับ

         พิธีกรประกาศเสร็จก็แปลงร่างเป็นครูใหญ่ มณีเดินขึ้นไปบนเวทีรำวง แล้วรับซองจากครูอร ส่งมอบให้ครูใหญ่มิ่งขวัญ เสียงปรบมือพร้อมเสียงหัวเราะดังกราว มณีรับไมค์แล้วกล่าว

         “ผมขอขอบพระคุณครูเทียน  การประถมศึกษาจังหวัดน่านทุกท่าน  ขอบคุณครูทุกคน ณ ที่นี่  ขอบคุณดนตรีคณะหิ่งห้อยน้อยแสงที่ช่วยด้วยใจ ไม่มีค่าจ้าง  และขอบคุณนักรำที่เต้นได้สุดสวิงริงโก้จริงๆ (มีเสียงเฮ) จากบ้านสวนป่าและบ้านหนองห้า และสุดท้ายขอบคุณครูแสวงที่แปะไว้ 240  บาท จ่ายช้าดอกเบี้ย 20 ครับ

          เสียงเฮดังขรม  ครูแสวงหัวเราะชอบใจ  งานผ่านไปด้วยดี  จุดมุ่งหมายที่เริ่มต้นด้วยความสุขสำเร็จ แม้จะได้เงินไม่มากนักแต่ก็ใช้ประโยชน์ได้ตามสภาพ   อีก 3 ปีต่อมา ครูแสวงก็ยังจำไม่ได้ว่าเป็นหนี้เด็ก 240 บาท เมาชนิดลืมตัวมัวเมาจริงๆ งานนี้  หนี้สูญครับ ๆ

     

Tags : jomgong

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view