http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,996,014
Page Views16,304,400
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

จอมโกงจอมภู ตอน 19 แสงธรรมนำทาง

จอมโกงจอมภู ตอน 19  แสงธรรมนำทาง


จอมโกงจอมภู ตอน 19 แสงธรรมนำทาง

 

ชุมชนบ้านภูพยับหมอกถูกเรียกขานด้วยความสวยหรู เสียงของคำว่าภูพยับหมอกเหมือนอย่างกับว่า มีหมอกลงระยับไปทั้งหุบเขา ใช่! ในฤดูหนาว หมอกฟุ้งกระจายไปทั้งหุบเขาจริงๆ  สนามหน้าโรงเรียนคละคลุ้งไปด้วยหมอกขาวนวลลออตา 

                     

               ประมงแม้วที่มาขลุกอยู่กับประเสริฐจนแทบจะกลืนกินกันเอง ครูโสภณและครูใหญ่มิ่งขวัญรวมตัวกันอย่างสนิทสนม  มีน้ำเปลี่ยนนิสัยเพิ่มความสนุกทุกครั้ง เย็นวันหนึ่ง

ครู  สักแก้ว แม้วยื่นแก้วสีอำพันส่งให้ครู

ยังไงวันนี้ผมขอตัว  พรุ่งนี้ต้องสอนวันสุดท้ายก่อนเด็กๆ สอบ แต่เอ๊ะ! ทำไมวันนี้แต่งตัวกันเอี่ยมเลย ?”

กำลังจะไปตรวจที่ท้อง เอ๊ย! ท้องที่ในเมืองน่าน

ประมงแม้วตอบแทนด้วยความครึกครื้นยิ่ง

ครูโสภณพูดเบาๆ ด้วยความรู้สึกเสียดายการไปตรวจท้องที่มาก  มณีเดินลงจากห้อง แต่งตัวเรียบร้อยกว่าปกติ

แหม !  จะไปตรวจท้องที่กันก็ไม่ยักกระซิบกันบ้างเล้ย

ครูใหญ่แซว ทุกคนหัวเราะแฮะๆ เขินที่แกล้งลืมเพื่อน

เอ้า ! พร้อมยัง  ไปกันได้เลย ประเสริฐเดี๋ยวพี่ขับเองนะ  วันหน้ารับรองไม่ให้พลาดครับครู

มณีปลอบใจทิ้งท้าย ครูโสภณยิ้ม

มณีกล่าวเสร็จก็ขอกุญแจรถมาขับเองแต่พอรถบ่ายหัวเข้าเมืองประเสริฐกับแม้วเฮด้วยความสมใจ คนทำงานอยู่แต่ในป่าเขา มีจักจั่นเป็นเพื่อนทุกค่ำคืนนั้น มันน่าเบื่อหน่ายไม่น้อย ยิ่งช่วงที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว ก็แทบจะไม่มีงานพัฒนาในยามค่ำคืนให้หายเหงาเอาเสียเลย  จึงเป็นโอกาสดีที่จะได้ไปในที่ชอบๆ

ลุงนวลกับนาคเดินมาด้วยรอยยิ้มเปื้อนน้ำหมาก เปิดด่านไม้ยก  มณีไขกระจกรถลงแล้วแซวเสียงดังกลบเสียงรถยนต์

อยู่ยามดีๆ นะ ผมกลับมาหลับยามละก็…..ตาย !”

                          

            มณีหยอกลุงนวลอย่างที่เคย  ลุงนวลหัวเราะร่วนตามลักษณะเฉพาะ ตัว นาคหัวเราะตามตาหยี  คืนนั้น ไม่มีใครรู้ว่าลุงนวลหลับยามหรือไม่  เพราะว่ามัวแต่ไปที่ชอบๆ กันหมด  เช้าตรู่กลับมาลุงนวลก็ออกเวรไปแล้ว

บางคืนลุงนวลเมาได้ที่ แทนที่จะนั่งอยู่ในตู้ยาม ลุงนวลกลับขึ้นไปหามณีที่ห้องนอน เหน็บนาคลูกสาวติดมาด้วยเช่นทุกครั้ง  มณีนั่งเขียนหนังสืออยู่ที่โต๊ะ  ลุงนวลกับลูกนั่งเล่นที่พื้น  กลิ่นเหล้าฟุ้งกระจายเข้าโสตประสาท 

หัวหน้านอนดึกจังเน้อ  เขียนอะไรนักหนาหนอลุงนวลสงสัย

ทำงานราชการก็ต้องมีการรายงาน ทำบัญชีเบิกจ่ายเงินเดือนให้ลุงบ้าง ตามแต่จะมี

มณีตอบแล้วหันไปเล่าต่อ

กลางวันก็มักมีคนมาหา  บางทีก็ต้องไปประชุม  ไปตรวจงานในป่า ไปสำรวจพื้นที่จะพัฒนาในหมู่บ้าน งานเขียนหนังสือก็เลยต้องยกยอดมาเขียนตอนกลางคืนไงล่ะ

มณีตอบยาว ลุงนวลฟังแล้วพยักหน้า นาคก็พยักหน้าตาม นาคเป็นเด็ก 9 ขวบเรียนชั้นประถม 2 ที่ติดพ่อมากๆ  ไม่ชอบนอนกับแม่ ทั้งที่พ่อขี้เมาเหม็นหึ่ง

บางคืนลุงนวลเมาแล้วอารมณ์ดี ก็จะซอ(เพลงพื้นเมืองภาคเหนือ)ให้ฟัง มณีฟังออกบ้างไม่ออกบ้าง แต่ก็รู้สึกครึกครื้นดี  หลายครั้งที่นาคก็ซอสลับกับพ่อได้อย่างไม่น่าเชื่อ คงเป็นเพราะว่าซึมซับจากพ่อ  มณีกับลุงนวลและนาคจึงเป็นเพื่อนยามค่ำคืนที่แสนวังเวง  เรื่องเล่าเก่าๆ หลายเรื่องได้รับฟังจากลุงนวล  เพิ่มขอบเขตความรู้ความเข้าใจได้ไม่น้อย

แต่แล้วเช้าวันหนึ่ง  ลุงชุ่มเดินมาหาแล้วพูดด้วยเสียงสั่นๆ

หัวหน้า  ลุงนวลตายแล้ว !” พูดจบก็นิ่งงัน

ตายยังไงลุงชุ่ม !” มณีถามด้วยความตกใจ ใบหน้าถอดสี

กินข้าวอิ่มแล้วนอนหลับไปตั้งแต่เช้า  จนเย็นป้าสวิงเมียแกไปเขย่าตัว ถึงได้รู้ว่า ลุงนวลตายแล้ว ตัวเย็นเฉียบแข็งทื่อ  ลุงชุ่มบรรยาย

ไปดีเถอะนะลุงนวล  หลับให้สบายตลอดกาล

มณีพูดพึมพำ ยกมือไหว้ท่วมหัวด้วยความรู้สึกผูกพัน และอดใจหายไม่ได้

รดน้ำศพที่บ้านลุงนวล  บ่ายสามโมงครึ่ง

                                   

              ลุงชุ่มบอกกล่าว มณีพยักหน้ารับรู้  มณีไปถึงบ้านลุงนวล  ประเสริฐรออยู่ก่อนแล้ว  ครูใหญ่ครูน้อย แม้กระทั่งประมงแม้ว ก็นั่งกันหน้าสลอน มณีเข้าไปจุดธูปไหว้ศพแล้วก้มกราบลุงนวลครั้งสุดท้ายแล้วรดน้ำที่ฝ่ามือซีดเผือด นาคนั่งร้องไห้ตาแดงก่ำคอยรินน้ำส่งให้กับแขก ป้าสวิงนั่งอยู่ปลายเท้า ใช้มือข้างหนึ่งจับนิ้วเท้าลุงนวลด้วยความอาลัย มณียื่นซองทำบุญให้ป้าสวิง แล้วถอยออกมานั่งข้างนอกบ้าน ประเสริฐเข้ามารายงานเพิ่มเติม

ผมสั่งคนงานให้ไปถางที่จะเผาศพลุงนวลปากทางน้ำแหงนะครับ  และให้ประสิทธิ์แก้วไปนิมนต์พระวัดหนองห้ามาสวดศพ เห็นว่าจะมาสวดได้ 3 วันแล้วติดกิจนิมนต์หมดวัด  กะกันว่าจะเผาลุงนวลหลังสวด 3 วัน ก็เลยมีปัญหาครับ  ลุงนวลตายไปเผาไม่ได้  ไม่มีพระนำทาง

บ้านเราก็เป็นอย่างนี้ทุกทีแหละ  ทำบุญวันสำคัญทางพุทธศาสนาทุกครั้งก็ทำทีหลังเขาหนึ่งวัน  เพราะว่าไม่มีวัดไม่มีพระสงฆ์  นี่จะเผาศพลุงนวลก็เกิดมีปัญหาอีก แม้แต่ป่าช้าก็ไม่มีกองฟอน คิดดูแล้วก็น่าคิดนะว่า จะทำยังไงกันดี

มณีพูดเหมือนบ่น  น้ำตาลคลอเบ้า ทุกคนฟังด้วยความสนใจ

สร้างวัดกันเถอะครับหัวหน้าลุงชุ่มเสนอ

ผมก็ว่าบ้านเรามีหนาตาไม่น้อย  คงมีข้าวถวายพระกันอยู่นะครับประสิทธิ์แก้วเสริม

ผมเห็นด้วยนะครับ ที่ทางเราก็มีแล้ว บนดอยท้ายหมู่บ้านโน่น มีตั้งสองดอย

เผ่นพูดเสนอบ้าง  มณีหันไปหาประเสริฐ ๆ หันมารอรับคำสั่ง

ประเสริฐหลังงานศพลุงนวล เรียกประชุมชาวบ้านเลยก็ดี  จะได้ขอแรงให้ช่วยกันพัฒนา  เครื่องอัดอิฐดินลูกรังก็ติดตั้งแล้ว  ไม้ในป่าก็มีล้มขอนนอนไพร  กระเบื้อง  ปูน ตะปู น็อต คงหาได้ไม่ยาก

โกงหลวงอีกตามเคยใช่ไหมครับพี่ !”

ประเสริฐรับคำสั้นๆ แต่ได้เรื่องยาวทุกครั้ง วันเผาลุงนวลต้องยืดรอพระวัดหนองห้า 1 วัน จึงเผาได้ กองฟอนแบบป่าดูช่างน่าอุดจาดตา ขณะที่เผาเห็นกันทุกคนว่า ขาลุงนวลชี้โด่เด่

สร้างวัดทั้งที ก็ทำกองฟอนด้วยดีกว่า

มณีคิดในใจ  ซึ่งก็คงใช้ที่ที่ใช้กันอยู่นี่แหละดีแล้ว เพราะว่าวัดทางภาคเหนือไม่นิยมสร้างป่าช้าในวัด

หลังงานศพลุงนวล มณี  ประเสริฐ ครูใหญ่ครูน้อย ประมงแม้วก็มาร่วมด้วย ประชุมกับชาวบ้าน  แบ่งกลุ่มกันอัดอิฐดินลูกรัง  จำนวนอิฐที่ต้องการคือ 2,500 ก้อน  ตามรูปแบบอิฐพัฒนาของกองพลทหารม้าส่วนหน้าจังหวัดน่าน 
            ส่วนผสมที่ใช้คือดินลูกรังซึ่งเป็นดินที่มีส่วนประกอบของซีเมนต์อยู่ในตัวจำนวน
3 ส่วน ผสมกับปูนซีเมนต์ 1 ส่วน  เมื่อผสมดินเข้ากันดีกับปูนซีเมนต์แล้ว ตักเทใส่บล็อคแล้วใช้แรงคนโยกคันโยกอัดน้ำหนักลงไปในพิมพ์ พอเปิดฝาบล็อกออกก็ใช้ไม้ไผ่บางๆ ชุบน้ำขัดด้านหนึ่งให้เป็นมัน  แล้วยกไปผึ่งในโรงเรือน ใช้กระสอบคลุมแล้วรดน้ำบนกระสอบพอหมาดๆ  อิฐชนิดนี้ผึ่งลมไม่เกิน 5 วันก็ใช้ก่อสร้างได้  สีสันสวยงามแบบสีดินลูกรังหรือสีอิฐ หรือสีส้มบางๆ ไม่ต้องทาสีก็สวยแล้ว

แต่ละคืนอันหนาวเหน็บ แต่ละหมู่มาทำงานพัฒนากันตามหน้าที่ บางคนเหนื่อยมากๆ ก็อดบ่นไม่ได้  สำหรับหมู่ลุงพุฒๆ ไม่เคยบ่นให้ใครได้ยินเลย  แกก้มหน้าก้มตาทุบดินลูกรังจนละเอียด แล้วคลุกเคล้ากับปูนซีเมนต์  งานพัฒนาที่ทำกันเป็นประจำนี่ดีจริงๆ พอเข้าทางเสียแล้วก็รู้หน้าที่ของกันและกัน  ซ้ำได้ความผูกพันแนบแน่นยิ่งขึ้น

มณีกับประเสริฐลงมาเยี่ยมการพัฒนาทุกครั้งที่ว่าง  มานั่งพูดคุยด้วยเรื่องสนุกๆ  บางทีก็ยกเรื่องอาชีพอื่นๆ เข้ามาฝอยให้ฟัง บางทีก็เรื่องแนวคิดที่อยากจะทำ เป็นการประชุมกลุ่มย่อยก่อนการประชุมกลุ่มใหญ่ เหมือนขว้างหินถามทาง  อิฐดินลูกรังเสร็จ  ไม้เสากลมครบ  ไม้คาน ตง  กระเบื้อง  น็อต ตะปู  ไม้ไผ่ผ่าซีกแทนเหล็กสำหรับเทพื้นคอนกรีต  ช่างไม้  รูปแบบทรงไทยชั้นเดียวสองหลังแฝด ทุกอย่างพร้อมสรรพ

งานก่อสร้างเริ่มต้นในตอนกลางวัน โกงหลวง และเสริมการพัฒนาในตอนกลางคืน  ตะเกียงเจ้าพายุแบบแก๊สตั้งเป็นระยะ  ลูกเล็กเด็กแดงมากันหมดหมู่บ้าน บนดอยเล็กๆ ท้ายหมู่บ้านมีแต่เสียงทำงานกับเด็กๆ วิ่งเล่นกัน เป็นช่วงชีวิตที่เคลื่อนไหวไปตามวิถีทาง จากคืนเป็นสัปดาห์ จากสัปดาห์เป็นเดือน จากเดือนเป็นสองเดือน

และแล้วงานก็สำเร็จเป็นรูปอาคารชั้นเดียวทรงไทยแฝดตามแผนการ ห้องหนึ่งเป็นห้องโถงตั้งองค์พระประธาน  อีกห้องหนึ่งเป็นกุฎี 2 ห้องนอน วัดเล็กกระทัดรัดสำเร็จสมใจทุกคน  ความดีใจแสดงออกนอกหน้า มีเรื่องพูดคุยกันเรื่องวัดทุกวัน พระประธานมณีไปเล่าให้แม่ฟัง แม้ให้เงินมา 2,500 บาทมณีเข้าไปยังย่านขายเครื่องสังฆภัณฑ์เส้นระหว่างวัดสุทัศน์และกระทรวงมหาดไทย กรุงเทพมหา

นคร มณีนิมนต์พระขึ้นรถปิ๊กอัพกลับบ้านภูพยับหมอก จังหวัดน่าน

            ได้พระประธานมาแล้วแต่วัดยังไม่มีพระมาจำพรรษา

จะไปนิมนต์พระที่ไหนมาจำวัดกันดี?”

มณีปรารภขึ้นในการประชุมหมู่บ้านครั้งหนึ่ง 

ผมลองถามไปหลายวัด มีพระองค์เดียวบ้าง สององค์บ้าง คงนิมนต์ยากครับ        

ป้าว่าเกณฑ์กันบวชคนละ 6 เดือนดีไหม?”ป้าคำกล่าวขึ้น

เดี๋ยว ! วัดยังไม่มีชื่อเลย มณีร้องเสียงดัง ทุกคนหันมาหัวเราะ

ใช่  ! มัวแต่ดีใจที่สร้างวัดเสร็จ  แต่ลืมตั้งชื่อวัดเสียนี่ ครูใหญ่ว่า

ป้าก็นึกว่าหัวหน้าคงจะตั้งไว้แล้วเสียอีก ป้าคำเสริม

เอ้า! ลองเสนอชื่อกันมาซิ  จะชื่ออะไรกันดี มณีสรุป ประเสริฐเดินไปตั้งกระดานขาว  ปากกาพร้อมในมือ 

ผมว่าตั้งชื่อวัดมณีบันลือครับ

ประสิทธิ์แก้วเสนอ  มณีได้ยินแล้วสะดุ้งแปดกลับ 

ผมขอสงวนสิทธิ์  ใช้ชื่อผมตั้งไม่ได้ครับ  ประเสริฐลบทิ้งได้เลย

ผมเสนอชื่อวัดห้วยสามสบครับ เผ่นเสนอ  มีเสียงดังอึงมี่

ผมเสนอชื่อวัดภูพยับหมอกครับ ครูใหญ่พูดเรียบๆ  พร้อมให้เหตุผลประกอบ

หมู่บ้านของเราชื่อภูพยับหมอก  วัดก็น่าจะชื่อวัดภูพยับหมอกเหมือนหมู่บ้านอื่นๆ นะครับ 

ชาวบ้านหันไปคุยกันเป็นกลุ่มๆ  และในที่สุดมณีตั้งคำถามขึ้น

ระหว่างชื่อวัดห้วยสามสบกับชื่อวัดบ้านภูพยับหมอก  จะเลือกชื่อไหนดี ?”

ชื่อวัดห้วยสามสบยกมือ มีเผ่นยกคนเดียว

ชื่อวัดบ้านภูพยับหมอก  ยกมือครับ 

มีชาวบ้านยกมือมากกว่า 95% ไม่ต้องนับ แต่ได้ชื่อวัดบ้านภูพยับหมอก 

ปรบมือเป็นเกียรติแก่ผู้เสนอชื่อหน่อยครับ

เสียงปรบมือดังกระหึ่ม  ครูใหญ่ลุกขึ้นยิ้มรับแล้วโค้งคำนับทุกคน

รุ่งอีกสามวัน  หัวหน้ากลับมาจากในเมือง  มีพระสงฆ์นั่งมาด้วย 1 องค์ มณีจอดรถที่สำนักงาน นิมนต์ท่านลงฉันน้ำและเข้าห้องน้ำ  ประเสริฐเข้ามาไหว้ ทองม้วนตามมาติดๆ  แล้วชาวบ้านที่ทำงานในเรือนเพาะชำก็แห่กันมาดูพระ  ยกมือไหว้แล้ว บ้างก็ยิ้ม บ้างก็หัวเราะเสียงดัง  มณีกับประเสริฐนำพระไปวัดที่เรียกกันว่า  วัดบ้านภูพยับหมอก

เช้าวันต่อมาแสงสีทองเรื่อเรืองที่ขอบฟ้า หลวงพ่ออุ้มบาตเดินด้วยความสำรวมลงจากยอดดอย  ไอหมอกที่ปกคลุมสลัวๆ เพิ่มความสวยซึ้งถึงพระธรรม เมื่อหลวงพ่อเดินผ่านบ้านใด บ้านนั้นก็ชูขันข้าวแล้วถวายกันถ้วนหน้าโดยมิได้นัดหมาย เป็นความสุขทางใจที่จับต้องได้มิใช่หรือ ?   

 

Tags : jomgong

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view