ขึ้นดอยบ่ไหว
เมื่อคิดจะสร้างวัด ชาวบ้านกิตตินันท์ได้ร่วมกันเลือกพื้นที่บนดอยเตี้ยๆท้ายหมู่บ้านด้านทิศตะวันตก พื้นที่ราวๆ 5 ไร่เศษ คิดกันว่าดอยเตี้ยๆ "กำลังเม๊าะ" วัดจะหันหน้ามาทางทิศตะวันออก "ผ่อมาก็หันหลังคาเฮือนกู่หลัง" แสงธรรมสาดส่องทั่วทุกหลังคาเรือน ชาวบ้านแบ่งกันออกเป็นสามส่วน ส่วนหนึ่งไปลงแขกขุดถนนขึ้นดอย อีกที่สองไปอัดอิฐดินลูกรัง และส่วนที่สามไปหาเสาไม้ขนาดวัดรอบ 5 คืบยาว 9 ศอก เหลากลม 12 ต้น ไม้แปรรูปจำพวกแป เส อกไก่ ไม้เครื่องโครงหลังคา ให้ใช้ไม้ล้มขอนนอนไพรมาใช้งาน งานพัฒนาเริ่มอีกครั้งอย่างตั้งมั่นและวาดหวัง
กลางวันหมู่หาไม้เข้าป่าคัดเลือกเสาเหลากลมเนื้อแข็ง ได้ต้นไม้แดง ไม้ประดู่ ไม้เต็ง ไม้รัง แล้วคัดไม้ลงตีนดอย ทอยกันออกทีละต้นๆ เป็นงานหนักหนาชวนเหนื่อย พอได้ไม้เสาครบก็หาไม้มาเลื่อยทำไม้เครื่องโครงหลังคา หน้าต่างประคู หมดภาระก็หมดหน้าที่ หมู่อัดอิฐดินลูกรังเข้าป่าหาดินลูกรัง คนเฒ่านั่งทุบดินให้ป่น คนหนุ่มสาวผสมดินกับปูนอัตราส่วน 3:1 (ปูน 1 ส่วน ดิน 3 ส่วน) เทลงบล็อคเหล็กเพื่ออัดเป็นอิฐดินลูกรัง
ได้ไม้เสา ไม้เครื่อง วงกบประตูหน้าต่าง และอิฐ พร้อมสรรพ ค่ำลงก็เดินทยอยกันขึ้นดอย หมู่ช่างวางโครงรากฐาน หนุ่มสาวขนอิฐและไม้ขึ้นวัด ทุกค่ำคืนที่หนาวเหน็บทุกคนทำงานบุญตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย เสียงพูดคุยโขมงโฉงเฉงดังลั่นดอย เสียงหัวเราะเมื่อมีเรื่องชวนหัว และเรื่องเล่าขำขัน นานนับเดือนเลื่อนเป็นครึ่งปี วัดทรงไทยแฝด 2 ห้องนอน 1ห้องน้ำ แล้วเสร็จ เพียงแค่บอกกล่าวเล่าเรื่องก็มีผู้ใจบุญถวายพระประธานให้วัด
เมื่อได้รับอนุญาตให้เป็นวัดตามพุทธศาสนาแล้ว วัดว่างร้างพระจะทำอย่างไรกันหรือ นิมนต์มาจากหลายวัด ก็จำพรรษาได้ไม่นาน ท่านก็จำลาไปหาวัดเดิม วัดกลางป่าเขา เงียบเหงาและวังเวง หาพระอยู่ยาก จนกระทั่งวันหนึ่ง ได้นิมนต์พระมหาประนอมมาจากวัดพระธาตุเขาน้อย จังหวัดน่าน จึงได้มีพระอยู่จำพรรษามานานกว่า 20 ปี ท่านจำวัดองค์เดียว ท่านกวาดลานทุกเช้าตรู่ ท่านฉันมื้อเดียว และท่านทำกิจของสงฆ์ตามหน้าที่ที่สืบสานพระพุทธศาสนาองค์เดียว ชาวบ้านอบอุ่นใจได้มีแสงธรรมนำทาง
เวลาที่ล่วงเลยไป วัดกลับเงียบเหงาและวังเวงมากขึ้น วันหนึ่งได้เข้าไปกราบและสนทนาธรรม จึงได้ทราบว่า "คนเฒ่าเปิ้นขึ้นดอยบ่ไหว" ก็เลยไม่ค่อยมีคนขึ้นมาทำบุญทำทานกันนัก ชาวบ้านขอให้ลงไปสร้างศาลาวัดเชิงดอยได้ไหม นี่ไง เรื่องที่คิดและทำไว้ ณ เวลาหนึ่ง พอถึงอีกเวลาหนึ่งก็ใช้ไม่ได้ ก็ตอนสร้างวัดคนหนุ่มคนสาวกำลังแรงเดินขึ้นดอยได้สบายๆ แต่วันนี้ล่วงเลยมานาน เป็นคนเฒ่ากันลงไปทุกวัน หมดแฮงแรงน้อยลง
ผู้มีใจกรุณาร่วมทำบุญผ้าป่าสามัคคี 2 ปีซ้อน ได้เงินสะสมไว้ถึง 180,000 บาท กะกันว่าจะสร้างศาลาวัดเชิงดอยขนาด 10x16 เมตร ยกพื้นสูง 1.50 เมตร เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนให้เป็นศาลาการเปรียญเพื่องานบุญงานกุศล มูลค่าการก่อสร้างอยู่ที่ 640,000 บาท ไม่รวมกระเบื้องปูพื้นศาลาอีก 1 ส่วน งานนี้ได้ผู้ใจบุญเสนอว่าจะมาทอดผ้าป่าอีก 1 ครั้ง ได้เงินเข้าวัดอีกเล็กน้อย ที่เหลือจะเหมาจ่ายเองทั้งหมด
รุ่นทะลุซุ้ม
แต่ถ้าคนเฒ่ายังจ่ม(บ่น)ว่า "ขึ้นศาลาบ่ไหว" ละก้อ คราวนี้หามขึ้นแล้วสวดก็แล้วกัน