http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,996,714
Page Views16,305,142
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

งามลือเลื่องหนองหาน ตระการตาปราสาทผึ้ง : สกลนคร โดย "สาวภูไท"

งามลือเลื่องหนองหาน  ตระการตาปราสาทผึ้ง  :  สกลนคร  โดย "สาวภูไท"


งามลือเลื่องหนองหาน  ตระการตาปราสาทผึ้ง 
:  สกลนคร

สาวผู้ไทเขียน // ปวีณ์ ศรีพรหมทัต ถ่ายภาพ

 

            หนองหานอันกว้างใหญ่สะท้อนแสงแดดยามเช้า  ดูพริบพราวในสายตา  เมื่อฉันก้าวเท้าขึ้นไปบนศาลาริมน้ำ  เขตบ้านท่าแร่   ด้านทิศตะวันตกของหนองหาน  ทะเลสาบในแอ่งภูพาน  จังหวัดสกลนคร 

            ซ้ายมือเป็นสวนสาธารณะริมฝั่ง  เจ้าหน้าที่ในชุดสีกากีหลายคนกำลังสาละวนอยู่กับงานตกแต่งสถานที่  ติดป้ายขนาดใหญ่บอกถึงกำหนอดการปล่อยปลา  ลงสู่หนองหาน  นัยว่าเจ้าหน้าที่ระดับสูงของจังหวัดสกลนครจะมาทำพิธีปล่อยปลาในวันเทศกาลออกพรรษา   ขวามือคืออาคารขนาดใหญ่สีขาวเจิดจ้าสะท้อนเงาในน้ำดูงามระยับ  ตรงหน้าต่ำลงไปในท้องน้ำ  เรือพายของชาวบ้านลำหนึ่ง   กำลังล่องลอยอย่างสงบเสงี่ยม เดียวดาย อยู่ท่ามกลางกอผักตบชวาที่ลอยกระจายเกลื่อนเป็นเพื่อนเรือลำน้อย

                                    
 
              
เช้าวัน แรมหนึ่งค่ำ  เดือนสิบเอ็ด   เทศกาลออกพรรษา    ตุลาคม  ๒๕๕๒

            สายมากแล้ว  แต่สายหมอกยังคงปกคลุมหนองหานให้เย็นฉ่ำ  สดชื่น ฉันสูดหายใจเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าเต็มปอดก่อนกลับออกมาจากศาลา  ยิ้มให้สามล้อเครื่องมิตรใหม่ผู้พาท่องฝั่งหนองหาน  เขาแนะนำสถานที่แห่งใหม่ที่น่าสนใจต่อทันที  คือย่านเก่าแก่ของท่าแร่  ฉันก็พยักหน้าไปตามเพลง  เพราะทุกสิ่งที่เป็นประสบการณ์ใหม่ล้วนน่าสนใจสำหรับคนเขียนหนังสือเสมอ 

         เขาเป็นคนรับจ้างขับรถสามล้อก็จริง  แต่น้ำจิต  น้ำใจ  ความเป็นมิตร  ความคิดอ่านเดาความต้องการของคนอื่นได้ไม่เลวเลย     เมื่อครู่ที่ผ่านมาหากไม่ได้เขามาช่วยฉันคงหน้าแตกหมอไม่รับเย็บอยู่ตรงหน้าเขียงหมานั่นแล้ว     ด้วยเหตุว่าฉันเดินดุ่ม ๆ จะไปถ่ายรูป  เนื้อสด  เนื้อแห้งที่กองตั้ง  และแขวนระโยง รยางค์ ที่แผงเพิงในตลาด


          
    
ถ่ายรูปบ่ได้เด้อ

               แม่ค้าตะโกนบอกเสียงดังจนฉันตกใจ   เก็บกล้องที่เตรียมกดชัตเตอร์กลับลงในกระเป๋า  หันกลับออกมาเจอพ่อสามล้อเข้าพอดี  เลยได้มาเที่ยวริมฝั่งหนองหานอันสวยงามแทน

             ไปไหนกันดีล่ะลุง ก่อนถึงเวลาสิบโมงที่ฉันมีนัดน่ะ

              ไปที่วัดคริสต์ท่าแร่

             ลุงว่าแล้วติดเครื่องพารถออก  มุ่งหน้าไปย่านที่มีตึกเก่ายุคฝรั่งเศส  และชาวญวนที่เข้ารีตมาตั้งชุมชนแรก ๆ ของท่าแร่  ฉันถึงกับอ้าปากค้างยกกล้องกดชัตเตอร์นับไม่ถ้วน     

                                


            
คนส่วนใหญ่มักรู้จักบ้านท่าแร่ว่ามีตลาดซื้อขายสุนัขเท่านั้น  แต่แท้จริงแล้ว  ชุมชนริมฝั่งหนองหานแห่งนี้  ยังมีอะไร ๆ ที่น่าสนใจกว่าตั้งแยะ  เช่นเดียวกับเมืองสกลนคร  ริมฝั่งหนองหานอีกด้านหนึ่ง

              สกลนคร  เป็นเมืองที่มีตำนาน  และประวัติศาสตร์ยาวนาน  ตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์  ยุคขอมเรืองอำนาจ  จนยุคลาวล้านช้าง  มาถึงปัจจุบัน  โดยมีหลักฐานเป็นศิลปะถ้ำ   สะพานขอมที่สร้างด้วยหินทอดยาวเชื่อมถนนโบราณริมฝั่งหนองหาน    ปราสาทหินอีกหลายแห่ง  เช่น  ปราสาทนารายณ์เจงเวง  ปราสาทภูเพ็ก  ปราสาทบ้านดุม  และ พระธาตุเชิงชุมซึ่งร่วมสมัยกับพระธาตุพนมอันเลื่องชื่อของอีสาน   ดังคำขวัญของจังหวัดที่ว่า

พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน   พระตำหนักภูพานคู่เมือง

งามลือเลื่องหนองหาน  ตระการตาปราสาทผึ้ง

สวยสุดซึ้งสาวภูไท  ถิ่นมั่นในพุทธธรรม

             ฉันโบกมือลาสามล้อเครื่องผู้อารี  เมื่อน้องสาวมารับตามนัด  ไปไหว้นมัสการหลวงปู่มั่นที่พิพิธภัณฑ์ของท่านที่วัดป่าสุทธาวาส  ข้างบ้านของเธอนั่นเอง

         จังหวัดสกลนคร  เป็นจังหวัดสวยงาม  สงบเงียบ  ตั้งอยู่ในที่ราบลุ่มริมฝั่งหนองหาน  ขนาบข้างด้วยเทือกเขาภูพานที่สูงตระหง่าน  เขียวครึ้มอยู่ทางด้านทิศใต้  ส่วนด้านทิศเหนือคือหนองหานอันกว้างใหญ่  จนเรียกได้ว่าเป็นทะเลสาบ  มีเกาะ(ภาษาถิ่นเรียกดอน)อยู่หลายเกาะ  เป็นที่เกิดแห่งตำนานเกี่ยวกับความเชื่อเรื่องพญานาคเมืองบาดาลใต้หนองหาน  นั่นคือเรื่อง  ผาแดง-นางไอ่  เรื่องย่อ ๆ มีว่า

             ครั้งนั้นพญาขอมผู้ครองเมืองมีธิดาสาวสวยชื่อนางไอ่คำ  นางเติบโตเป็นสาวสวยเลื่องลือไปทั่วทุกเขตแดน  จนแม้แต่พังคีลูกพญานาคในเมืองบาดาลยังแปลงกายเป็นกระฮอกด่อน(กระรอกเผือก)มาแอบชื่นชมความงามของนาง  ครั้นนางไอ่คำเห็นเข้าก็นึกอยากกินเนื้อกระรอกขึ้นมาทันที    จึงให้พรานแม่นธนูยิงกระรอกเอาลงมาฆ่าแล่เนื้อ  

                             


          
   ช่างน่ามหัศจรรย์เนื้อนั้นมีเพิ่มมากขึ้นจนแบ่งปันกันได้ทั่วทั้งเมือง  แต่ผู้แบ่งปันก็ยกเว้นไม่ให้ครอบครัวบ้านเรือนของเหล่าแม่ม่ายแม่ร้าง  ดังนั้นพอพญานาคผู้เป็นพ่อรู้ข่าวมาทำการล้างแค้นให้ลูกชายถล่มเมืองล่มลงกลายเป็นทะเลสาบ  จึงยังเหลือบริเวณที่เป็นบ้านแม่ม่าย  แม่ร้างอยู่เป็นเกาะเล็กใหญ่กลางหนองหานมาจนปัจจุบัน

              ที่ราบลุ่มอันอุดมสมบูรณ์ริมฝั่งหนองหาน  เชิงเขาภูพานนี้เองเป็นที่ตั้งแห่งเมืองสกลนครในปัจจุบัน 

          วัดป่าสุทธาวาส  ที่ฉันมุ่งหน้ามาวันนี้ตั้งอยู่บนถนนสุขเกษม  (สกล-กาฬสินธุ์)   ตรงกันข้ามกับศูนย์ราชการของจังหวัด  เป็นที่ตั้งพิพิธภัณฑ์พระอาจารย์มั่น  ภูริทัตโต  หรือหลวงปู่มั่นของลูกหลานชาวอุบล

              เพียงก้าวเข้าสู่ประตูหน้าวัดจะเห็นโบสถ์สูงตระหง่าน  สวยงามทันที  ต้นไม้ใหญ่ร่องรอยความเป็นป่ามาก่อนยังคงมีอยู่ด้านทิศตะวันออกเฉียงเหนือของวัด  ยังคงร่มรื่น  เครือเถาวัลย์ขนาดใหญ่แขวนโยงเหมือนชิงช้าก็ยังคงอยู่ 

                              


              
ต้นกระบกใหญ่ริมรั้วตอนนี้ทิ้งลูกแห้งลงดิน    เมื่อฝนฉ่ำดินชุ่มฝาสองฝาก็เผยอเปิดออกปล่อยให้เมล็ดข้างในงอกรากหยั่งลงดิน  เกิดต้นกล้ากระบกต้นเล็ก ๆ ปะปนกับต้นหญ้า  อีกไม่นานก็คงถูกตัด หั่น ทิ้งไปเหมือนหญ้าวัชพืชอื่น ๆ ดูน่าใจหาย

         พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น  เป็นอาคารสถาปัตยกรรมประยุกต์  ทรงแปลกตา  ตั้งอยู่ ท่ามกลางแมกไม้  ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของโบสถ์  ภายในเป็นห้องโถง  เพดานสูงโล่ง  สะอาด  สงบ  เหมาะจะมานั่งแสวงหาความสงบ  

                                


           
รูปหล่อเหมือนองค์จริงของท่าน  ในท่านั่งสมาธิ  ตั้งอยู่บนแท่นสูง  ตรงหน้ามีตู้กระจกบรรจุอัฐิที่กลายเป็นแก้วผลึก   ตามผนังเป็นตู้จัดแสดงเครื่องอัฏฐบริขาร ต่าง ๆ ภาพถ่ายขาวดำ    และประวัติย่อ ๆ ของท่านบรรจุไว้ตลอดผนังสองด้านทิศเหนือ  และใต้

                    ข้าง ๆ อาคารตอนนี้มีศาลาหลังเล็กดูสวยงาม สมถะ ที่ลูกศิษย์  ลูกหา  และผู้ศรัทธาสร้างไว้ถวายหลวงตามหาบัว  ญาณสัมปันโน  ในยามที่ท่านมาเยือนวัดเพื่อกราบไว้หลวงปู่จะได้พำนัก

                                 

          
  หากใครมากราบไหว้หลวงปู่มั่น  ที่วัดป่าสุทธาวาส   ยังมีโอกาสได้กราบไหว้อัฐิเกจิอาจารย์ของอีสานอีกท่านหนึ่งนั่นคือ เจดีย์ธาตุของหลวงปู่หลุย  จันทสาโร   ที่มุมด้านทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวัดนี้อีกด้วย

            นอกจากนั้น  ช่วงนี้เป็นเทศกาลออกพรรษา  สกลนคร  การแห่ปราสาทผึ้งเพิ่งเสร็จสิ้นลงเมื่อวาน   และวันนี้ปราสาทผึ้งอันสวยงามตระการตาจึงถูกเคลื่อนย้ายเข้ามาไว้ใต้เงาแมกไม้อันร่มรื่นด้านทิศเหนือของวัด

                          


          
  ประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง
   เป็นประเพณียิ่งใหญ่ของจังหวัดสกลนคร  ที่มีปราสาทผึ้งอวดโฉมความงาม  ฝีมือ  ความคิด  จินตนาการของช่างให้ตระการตา  น่าชม   ทั้งยังจัดขบวนแห่อย่างสวยงามหลายขบวน   แห่รอบเมืองในวันออกพรรษาของทุกปี  กลายเป็นสัญลักษณ์อย่างหนึ่งของจังหวัดสกลนคร 

                   

             
         
ปราสาทผึ้ง  หรือ  ปราสาทเผิ้งในภาษาอีสาน  หมายถึงการนำขี้ผึ้งมาทำเป็นลวดลายคล้ายปราสาท  หรือเจดีย์ในงานบุญ  แต่เดิม มี    กรณี  คือ

                            


               
๑ ทำปราสาทผึ้งในบุญแจกข้าว  (ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้ผู้ตาย)

          ญาติของผู้ตายนำไม้ไผ่มาทำโครงรูปบ้านเรือน  หรือปราสาท ตกแต่งลวดลายด้วยหยวก หรือกาบกล้วย   ประดับประดาด้วยดอกไม้ที่ทำจากขี้ผึ้ง (ดอกผึ้ง) สีขาว  เหลืองอ่อน  เหลืองส้ม สวยงาม  ภายในเรือนหรือปราสาทนี้บรรจุสิ่งของ เครื่องใช้  เงิน ทอง แล้วแต่ฐานะ  ที่จะส่งไปให้ผู้ตายใช้ในภพหน้า  นำไปทำพิธี  แล้วถวายวัด

                                        

           การทำดอกผึ้ง  

           นำขี้ผึ้งใส่ภาชนะแล้วลอยที่น้ำเดือด  หรืออังไฟจนร้อนละลาย  ใช้แม่พิมพ์ที่จะทำให้เป็น

ดอกไม้(ส่วนมากใช้มะกอลูกเล็ก  และกลวงข้างใน  ตัดเอาด้านขวาง)จุ่มลงในผึ้งละลาย  แล้วนำไปจุ่มในน้ำเย็น  แว่นบาง ๆ รูปดอกไม้ก็จะหลุดออกมา  นั่นคือดอกผึ้งทำ

                             


                 ๒                 
ปราสาทผึ้งในบุญออกพรรษา  เป็นการร่วมใจ  ของกลุ่ม หรือคุ้มบ้าน  ทำปราสาท

ด้วยผึ้งในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสิบเอ็ด  มีวัตถุประสงค์ในการทำ  สักการบูชาพระพุทธเจ้า  ที่เสด็จไปเทศนาโปรดพุทธมารดา ที่สวรรค์ชั้นดาวดึงส์  แล้วเสด็จกลับลงมายังมนุษย์โลกในวันออกพรรษา 

          บุญปราสาทผึ้งนี้จึงมีเพียงปีละครั้งเดียว  การสร้างปราสาทจึงวิจิตร  สวยงาม  ด้วยความตั้งใจ  และศรัทธาในพุทธศาสนา


                รูปร่าง  ลวดลายของปราสาทผึ้งขึ้นอยู่กับคติความเชื่อของแต่ละชุ้ม  เช่นรูปนาค  รูปเล่าเรื่องราวในพุทธประวัติ  เป็นต้น

 

Tags : travel

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view