กระเจียว…ที่กินได้
“สาวภูไท”
หลังจากความร้อน แล้ง แผ่คลุมครอบแผ่นดินใหญ่แห่งที่ราบสูงโคราชมาตลอดฤดู ปลาย ๆ เมษายน คราฝนแรกลงมาเยือนหล้า ปลุกทุกชีวิตที่หลับใหล หลบความแล้งร้อนอยู่ใต้ผืนแผ่นดินให้ผุดพราย ลืมตา ขึ้นมา
กบ เขียด ปู ปลา หน่อไม้ หน่อเพ็ก หน่อโจด และดอกกระเจียวก็ผุดโผล่ออกมายิ้ม มาเยือน ต่างเริงร่า พริ้มพรายกับสายฝน
ใครเคยไปเยือนทุ่งดอกกระเจียว คงได้รู้ว่าดอกไม้สีสดสวยที่บานพราวเต็มผืนทุ่งนั้นช่างงามชวนหลงใหล หลงล้น เพียงใด
ใช่ละ...ดอกกระเจียว
ปทุมมา ทิวลิปสยาม เป็นนามที่คุ้นเคย
ปัจจุบันมาบานพราวในสวน ในแจกันเป็นไม้ประดับประดา และมีการขยายพันธุ์ออกไปมากมาย
กระเจียวเป็นพืชในวงศ์ขิง (Zingiberaceae) มีถิ่นกำเนิดแถบเอเชีย จีน อินเดีย พม่า ไทย ลาว มาเลเซีย ในทั่วโลกพบว่ามีกว่า 70 Speciees เฉพาะในประเทศไทยพบมากกว่า 30 ชนิดพันธุ์
ปทุมมา กับ กระเจียว(ที่ชาวบ้านอีสานคุ้นเคย) นั้นความจริงอยู่คนละกลุ่ม ปทุมมาจะมีก้านยาว แข็ง บานทนกว่ามาก
ส่วนกระเจียว แบบในภาพ เป็นพันธุ์ที่กินได้ (ลวก นึ่ง จิ้มน้ำพริก หรือผสมใน
แกงเปรอะหน่อไม้ได้รสชาติอีกแบบ) มีก้านสั้นติดดิน บางทีต้องขุดเอาจึงจะได้ทั้งก้าน
ก้านของเธอก็ขาวอวบอ้วนกว่า และอ่อนนิ่มกว่า (ลอกเปลือกออกก่อนนำไปปรุงอาหาร) กลีบดอกสั้นอัดกันแน่น และบานอยู่ไม่นาน เมื่อฝนตกหนาขึ้นในเดือนหก เดือนเจ็ดก็จะวายไปหมดป่าแล้ว
จึงพบได้ และได้ลิ้มรสชาติของเธอเพียงช่วงต้น ๆ ของฤดูฝนของทุกปีเท่านั้นค่ะ
๐๐๐๐๐๐