http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,057,654
Page Views16,368,376
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

วัดราชบูรณะ พระนครศรีอยุธยา :พุทธอนุสรณ์สถานแห่งเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา โดยทิดท้วม เรื่อง/ภาพ ธงชัย เปาอินทร์

วัดราชบูรณะ  พระนครศรีอยุธยา  :พุทธอนุสรณ์สถานแห่งเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา  โดยทิดท้วม เรื่อง/ภาพ ธงชัย เปาอินทร์


                                                                 วัดราชบูรณะ  พระนครศรีอยุธยา 
                                      : พุทธอนุสรณ์สถานแห่งเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา

                                                                                                                                 โดยทิดท้วม เรื่อง/ภาพ ธงชัย เปาอินทร์

                เรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับการสร้างวัดวาอารามของคนไทยตั้งแต่สมัยไหน ก็คล้ายคลึงกัน สร้างเพื่อสืบสานพระพุทธศาสนาด้วยศรัทธา  สร้างเพื่อทดแทนพระคุณบิดรมารดาปู่ย่าตาทวดและวงศาคณาญาติ   สร้างเพื่อให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในแต่ละชุมชน  
                วัดราชบูรณะก็เฉกเช่นกัน สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานแด่พี่น้องร่วมอุทร หากแต่ต้องมาฆ่ากันตายด้วยการแย่งชิงราชบัลลังก์  ช่างน่าอนาถเสียจริง


                                     
                                                                ภาพที่โฆษณาไปทั่วโลก

                สมบัติผลัดกันชมเช่นนั้นหรือ
                เรื่องราวมันเกิดขึ้นดังนี้ครับ 
                ในปีพ.ศ.1913 สมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 หรือพระเจ้าอู่ทอง ต้นราชวงศ์อู่ทอง เสด็จสวรรคต ว่ากันตามกฏมณเฑียรบาลแล้ว พระราเมศวร พระราชโอรสน่าจะได้ขึ้นครองราชสมบัติสืบสันตติวงศ์ต่อไป
                แต่ด้วยบารมีของ   ขุนหลวงพะงั่ว พี่ชายของพระมเหสีในสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 1 เมื่อขุนหลวง
พะงั่วยกทัพจากสุพรรณบุรีบุกเข้ามายึดพระราชวังหลวง พระราเมศวรผู้หลานชายก็ยินยอมยกให้แต่โดยดี 
                 ขุนหลวงพะงั่วเถลิงถวัลย์ราชสมบัติเป็น สมเด็จพระราชาธิราชที่ 1 ต้นราชวงศ์สุพรรณภูมิ เมื่อ
พ.ศ.1913 

           
                            ภาพผ่านประตูอุโบสถ                                                   มุมเจดีย์บริวาร

                ต่อมาปีพ.ศ. 1931 สมเด็จพระราชาธิราชที่ 1 ก็ถึงแก่พิราลัย สมเด็จพระเจ้าทองล้นราชโอรสได้ขึ้นครองราชย์สมบัติต่อ  แต่ก็ครองราชย์อยู่ได้เพียง 7 วันเท่านั้น
                สมเด็จพระราเมศวร ผู้ถูกส่งไปครองเมืองลพบุรีก็ทรงกรีฑาทัพเข้ายึดกรุงศรีอยุธยาคืน แล้วสำเร็จโทษพระเจ้าทองล้นเสีย(ลูกพี่ลูกน้องฆ่ากัน) พระองค์ทรงครองราชสมบัติเป็นสมเด็จพระรามราชาธิราช  
                 แต่กรรมเวรยังไม่สิ้น หลานชายของขุนหลวงพะงั่วชื่อ นครอินทร์ ร่วมกับเจ้าพระยามหาเสนาบดี นำกำลังเข้ายึดราชบัลลังก์แล้วสถาปนาตนเองขึ้นเป็น สมเด็จพระอินทราชา อันถือว่าเป็นราชวงศ์สุพรรณภูมิ องค์ที่ 3 สืบต่อมา

 
                         ถ่ายจากในอุโบสถร้าง                                                        ถ่ายจากมุมบนองค์ปรางค์

                ดูเหมือนกรรมเวรจะมีจริง เมื่อสมเด็จพระอินทราชาครองราชย์  พระองค์ได้ส่งพระราชโอรส 3 องค์ให้แยกย้ายกันไปครองหัวเมืองต่างๆดังนี้คือ
                เจ้าอ้ายพระยาองค์ใหญ่ไปครองเมืองสุพรรณบุรี 
                เจ้ายี่พระยาองค์ที่สองไปครองเมืองแพรกศรีราชา
                และเจ้าสามพระยาองค์สุดท้องไปครองเมืองชัยนาท(พิษณุโลก หรือเมืองสองแคว) 
               ครั้นลุล่วงถึงปีพ.ศ.1967 สมเด็จพระอินทราชาเสด็จสวรรคตโดยมิได้แต่งตั้งองค์รัชทายาท
               เจ้าอ้ายพระยากับเจ้ายี่พระยา  จึงกรีฑาทัพเข้ามาหวังจะยึดราชบัลลังก์ เกิดการสู้รบกันด้วยการทำยุทธหัตถีจนตายไปทั้งคู่

             
                                              รายรอบองค์ปรางค์ประธาน ตกแต่งด้วยรูปปั้นสวยงาม

               นั่นแหละเรื่องจึงได้เกิด............
               สมหล่นซิครับ เจ้าสามพระยาได้กรีฑาทัพลงมาจากเมืองชัยนาท มาถึงช้าแต่กลับได้คว้าพร้าเล่มงาม  แต่ก็ทรงเกิดสังเวชในพระราชหฤทัยยิ่งที่พี่น้องต้องมาเข่นฆ่ากันจนตายไป
               พระองค์ได้ขึ้นครองราชเป็นสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 เมื่อพ.ศ.1967 สืบต่อมาจนสวรรคตเมื่อพ.ศ.1991 รวมเวลาที่ครองราชสมบัติ 24 ปี 
                แต่ระหว่างนั้น ได้ทรงโปรดให้สร้างพุทธสถานซึ่งก็คือวัดราชบูรณะ ขึ้นตรงที่ได้ถวายพระเพลิงพี่ชายทั้งสองพระองค์ เพื่อให้ทรงรำลึกถึงอุทาหรณ์สอนใจ  

    
                                                            แกะและสลักเสลาปูนปั้นทุกมุมปรางค์

                  น่าแปลกที่วัดราชบูรณะที่ทรงสร้างนั้น มีขนาดและรูปทรงพิมพ์เดียวกันกับวัดพระมหาธาตุ ซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน 
                  โดยมีองค์พระปรางค์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ฐานด้านละ 48 เมตรอยู่ตรงกลางวัด 
                   ล้อมรอบด้วยกำแพงแก้ว กว้าง 152 เมตรยาว 208.5 เมตร  
                   มีพระอุโบสถกว้าง 17.5 เมตร ยาว 47.5 เมตร
                   แค่นั้นยังไม่พอ ยังมีพระวิหารรูปทรงเหมือนกันอีก  กว้าง 20 เมตร ยาว 63 เมตรเท่าๆกันอีก 
                   เหมือนกันแม้กระทั่ง การจัดวางตัวอาคารไว้ทางทิศตะวันตก-ตะวันออก เฉกเช่นเดียวกัน อย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งนัก วัดทั้งสองนี้อยู่ไม่ไกลจากพระราชวังโบราณอันเป็นมรดกโลก


             
                                พญาครุฑอลังการทรงนาค                                    ได้อารมณ์เจ้านกยักษ์
                  
                   พ.ศ.2499  กรมศิลปากรได้เข้าขุดแต่งองค์ปรางค์ประธานของวัดราชบูรณะ ได้พบว่า
                   กรุแรกด้านบน นั้นเป็นห้องสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาว 3 เมตร มีภาพเขียนสีตามผนังรางๆ เป็นภาพชายชาวจีน 3 คน พร้อมอักษรจีนอยู่ด้วย 
                   กรุชั้นสองด้านล่าง มีขนาดเล็กเท่าตัวคน จิตรกรรมฝาผนังลางเลือน ชั้นนี้บรรจุเครื่องทองจำนวนมาก
                   ส่วนพระเครื่อง(พระพิมพ์) กรมศิลปากรได้จัดจำหน่ายไปเพื่อรวบรวมเงินสร้างพิพิธภัณฑ์สถานเจ้าสามพระยาขึ้น ไว้เก็บรักษาทรัพย์สินมากมีที่ทรงคุณค่าแก่ประวัติศาสตร์และของชาติราชบัลลังก์

 
                                    ปูนปั้นแบก....ดูช่างเข้มแข็ง  นี่ก็เป็นอีกศิลปะหนึ่งที่ถ่ายทอดมาถึงวันนี้

                   แสดงให้เห็นได้ว่า ในการสร้างวัดหรือพระปรางค์ได้มีการบรรจุ ทอง เพชรนิลจินดา และพระเครื่องของขลังค์กันมาแต่โบราณกาลแล้ว จึงไม่แปลกใจที่เกิดกรุแตกกันไปทั่วแผ่นดิน 
                    ทุกวันนี้ถ้าอยากเห็นเครื่องทองและพระเครื่องดังกล่าว  ตามไปดูได้ที่พิพิธภัณฑ์เจ้าสามพระยา ส่วนภายในพระปรางค์ประธานนั้นมีเพียงรูปถ่ายให้ชมแค่นั้น 



                          บันไดไต่ลงไปในอุโมงค์                                                    อ่านหนังสือคู่มือท่องเที่ยว

                     บนหอคอยของปรางค์ประธานมีทางลงไปในห้องเก็บเครื่องกุฏภัณฑ์เหล่านั้น เป็นทางขึ้นลงแคบๆ ชันมาก ขึ้นลงลำบาก และค่อนข้างมืด โดยเฉพาะขั้นบันไดแคบมาก วางเท้าไม่ได้จังหวะอาจพลัดตกลงไปได้ง่ายๆ สำหรับผมแล้ว การจะเดินลงบันไดไปทีละขั้นก็ยากแล้ว 
                     เจียมตัวเจียมใจว่าแก่แล้ว ก็ปล่อยวางไม่หาญไต่ลงไปชม


                                      ภาพแสดงเครื่องกกุฏภัณฑ์ชั้นบนและชั้นล่าง 

                    วันที่ผมไปเดินชมและบันทึกภาพนั้น ผมได้พบปะกับเพื่อนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติมากมายหลายคน มีทั้งหญิงและชาย มีทั้งคนหนุ่มสาวและแก่พอๆกับผม  ฝรั่งพวกนี้เขามีความเพียรพยายามอย่างเยี่ยมยอด ตัวก็ใหญ่โต  บันไดเดินลงไปก็แสนจะคับแคบ  แต่เขาก็เดินขึ้นลงอุโมงค์ขุมทรัพย์เหล่านั้นอย่างน่าชื่นชมยิ่งนักเชียวละ 
                    พวกฝรั่งนี่เขามีวัฒนะธรรมการเรียนรู้ว่าต้อง รู้จริง  รู้ลึก  รู้กว้าง และไม่เห็นกับตาไม่ยอมเชื่ออะไรง่ายๆ  


                          พระแสงดาบงามวิจิตร                                                  มงกุฏผู้ครองราชบัลลังก์

                     บางคนก็นั่งอ่านหนังสือคู่มืออยู่อย่างสนใจ ซึ่งเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ บางคนก็เดินถ่ายรูปอย่างละเอียดละออ  ไม่แน่ใจว่าเป็นนักเขียนสารคดีหรือไม่
                     ภาษาอังกฤษผมไม่แข็งแรงนัก ก็เลยไม่กล้าสอบถาม  ได้แต่เหล่ๆ เขาเท่านั้นเอง
                     เกิดชาติหน้าฉันใด จะขอศึกษาให้รู้หลายๆภาษา ฝากไว้ก่อน ฮึ่ม!!


                        อย่างคร่ำเคร่งเลยนะคุณพี่                                                 มีนักท่องเที่ยวเข้าออกช่องนี้

                       การได้ไปเดินย่ำอดีตแล้วเรียนรู้ถึงเรื่องราวดังที่ได้กล่าวมาแล้วนั้น ช่วยให้เกิดความคิดและรำลึกได้ว่า อันทรัพย์ศฤงคารและประโยชน์โภช ผลนั้น แม้มีมากมายก็ไม่ได้ช่วยให้เกิดความสุขได้แต่อย่างใด ฆ่า คดโกง ใช้กำลังข่มเหง เขามาได้ ก็พลันกลับถูกเอาคืน เป็นศึกสายเลือดไม่จบไม่สิ้น
                       วันนี้ บ้านเมืองของเราแม้เคยสุขสงบ แต่ก็กำลังดาลเดือดด้วยการเอาคืนของผู้ที่ถูกกดขี่  หรือผู้ที่ถูกเขาข่มเหงเอาทรัพย์สินของเขาไป 
                       อย่างร้อนระอุไปทุกตารางนิ้วของแผ่นดิน จากเหนือจรดใต้สุดของแผ่นดิน
                       ผมรู้สึกภาคภูมิใจในคำสอนของพ่อที่เคยสอนไว้ก่อนออกไปรับราชการ ว่า...
                       "ความสุขอยู่ที่ใจ ไม่ใช่ที่เงินทอง  มึงอย่าไปโกงเขากินนะ" 
                      

                        ร่องรอยชิ้นส่วนที่เหลืออยู่                                        ร่องรอยความวิจิตรบรรจงที่เหลืออยู่

                        วันหนึ่ง คุณอาจเหลือเพียงชิ้นส่วนที่เคยงดงามเต็มรูปร่างดังพระพุทธรูปองค์นี้ และลวดลายผนังปรางค์ที่เห็นเพียงบางส่วน เหมือนผ้าแพรที่ขาดกระรุ่งกระริ่ง 
                        ควรจดจำ !!
                    

Tags : Temple Tour

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view