เสือกลิ่นสาบ
ตอน 6. เรือบิน-เรือไม้
โดย อินทรี ดำ
กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลเรื่องเฮลิคอปเตอร์ที่ใช้ทำทั้งฝนหลวงและบินตรวจการป่าไม้ ได้ส่งแผนบินมาให้ความว่า ในช่วงสัปดาห์แรกของเดือนเดือนมีนาคม-เมษายน จะบินตรวจสภาพป่าเพื่อการปราบปรามได้ในเขตสำนักงานพัฒนาป่าไม้ที่ นน.2 นอกจากนี้จะบินในพื้นที่สำนักอื่นๆ ในจังหวัดน่าน
โอกาสที่จะได้เห็นสภาพพื้นที่ป่าไม้และจุดที่เกิดการลักลอบตัดไม้เถื่อนจะง่ายและรวดเร็ว โดยไม่ต้องสืบเสาะลาดตระเวนไปแบบ “ไปตายเอาดาบหน้า”
สัปดาห์แรกเดือนมีนาคมมาถึง มณีสั่งเตรียมการสายตรวจภาคพื้นดินสองชุดๆ ละ 7 คน ออป.ถูกร้องขอให้มารอทำงานชักลากของกลางจากการจับกุม แผนที่ระวาง 1:50,000 แยกกันไปสามแผ่น
“ผมกับพี่ชัยจะขึ้นบิน สายตรวจให้พี่เกียรติคุมสายที่หนึ่ง ประเสริฐคุมสายที่สอง ขอให้เปิดวิทยุไว้ตลอดและเตรียมความพร้อม ข้าวกล่อง น้ำ และอุปกรณ์อื่นๆ มีอะไรขาดแคลนแจ้งได้ที่สมชาย”
ดอกกวาวเครือแดงสพรั่งในหน้าร้อน
เครื่องบินเฮลิคอปเตอร์ เรียกกันว่า “ฮ.เกษตร” สีขาวคาดเขียว ลงจอดหน้าสำนักงาน นักบินขอตัวเข้าห้องน้ำและตรวจเช็คเพื่อการบินระยะยาว มณีนั่งดื่มกาแฟร้อนรอกับพี่ชัย นักบินกางแผนที่ระวางให้มณีกับพี่ชัยดูแล้วคุยกันถึงเส้นทางที่จะบินตรวจ การบินจะบินแบบสลับฟันปลาไปเรื่อยๆ จนกว่าจะเต็มพื้นที่ที่กำหนดวันต่อวัน และเมื่อทุกอย่างพร้อม ฮ.บินยกตัวขึ้นด้วยความคล่องแคล่ว
ได้เวลา 9.20 น. ฮ.บินตรงไปยังลำน้ำน่านฝั่งขวาแล้ววนกลับไปยังขุนต้นน้ำห้วยสาลี่ซึ่งเป็นรอยต่อพื้นที่เหนือสุดของสำนักฯ แบบสลับฟันปลา มณีนั่งข้างหน้าซ้ายมือนักบิน พี่ชัยนั่งประกบอยู่กับนักบินผู้ช่วยที่เบาะหลัง เสียงเครื่องบินดังตั้บๆๆๆ
การบินไปในจุดที่เป็นป่าโปร่งยามฤดูแล้ง ต้นไม้ป่าส่วนใหญ่ผลัดใบ จึงมองเห็นพื้นป่าทุกตารางนิ้วอย่างชัดเจน เห็นแม้กระทั่งขอนไม้ที่ไหม้ไฟและนับจำนวนท่อนได้ แต่ตลอดเส้นฝั่งขวาแม่น้ำน่านกลับไม่พบการกระทำผิดเลย จนเมื่อเวลา 10.45 น. ฮ.บินไต่ไปตามลำน้ำน่านจากจุดน้ำเอ่อของเขื่อนสิริกิติติ์ พอพ้นแก่งหลวงเข้าเขตนาน้อย-เวียงสา นักบินลดระดับบินลง
ดอกกวาวเครือแดงคล้ายดอกต้นทองกวาว
“แล้วทุกคนก็เห็นเรือไม้ที่บรรทุกไม้แปรรูปไว้เต็มลำเรือลอยฟ่องอยู่กลางท้องน้ำน่าน”
“ไม้สักทั้งลำเลยนะครับหัวหน้า” พี่ชัยตะโกนขึ้น
“ว.แจ้งให้สายตรวจไปดักที่ท่าน้ำประปาเวียงสาจุดหนึ่ง อีกจุดหนึ่งที่ท่าน้ำบ้านส้านเหนือหมอนไม้ของบริษัททำไม้จังหวัด” มณีสั่งการ
“ป่านศรนารายณ์ถึงนน.2ๆ ให้สายตรวจที่หนึ่งไปดักรอที่ท่าน้ำประปาอำเภอเวียงสา และสายตรวจที่สองไปดักรอที่ท่าน้ำบ้านส้านเหนือหมอนไม้ของบริษัทน่านทำไม้จำกัดเขตอำเภอเวียงสา มีเรือไม้บรรทุกไม้สักแปรรูปเต็มคันล่องเรืออยู่ในลำน้ำน่าน ปฏิบัติการด่วนๆ” พี่ชัย ว.แจ้งตามสั่ง
ที่สำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.2 สายตรวจที่หนึ่งและที่สองได้ยินคำสั่ง ทุกคนขึ้นรถยนต์ตรวจการแล้วบึ่งอย่างเร็วจี๋ไปยังจุดนัดหมาย ฮ.บินต่ำลงเหมือนจะแกล้งเรือไม้แต่ไม่ท่าทีสะทกสะท้านใดๆ จากคนขับเรือ
เรือจึงยังคงขับทวนน้ำขึ้นไปเรื่อยๆ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น บางทีคนขับเรือก็แหงนคอมองขึ้นไปยังเครื่องบิน และหัวเราะ พร้อมกับโบกมือหยอยๆ
“เราทำอะไรไม่ได้เลยครับหัวหน้า มันไม่หยุดเรือแล้วพวกเราก็ได้แต่รออยู่บนฝั่ง “ พี่ชัยกล่าว
“ใช่ มันไม่ขึ้นท่าไหนเสียอย่างเราก็ทำอะไรมันไม่ได้เลย” มณีตอบโต้
“เอาไงดีครับ” นักบินถาม
“วนกลับ พี่ชัย ว.แจ้งให้สายตรวจตามไปทีละท่าๆ จนกว่าเรือมันจะน้ำมันหมด มันก็ต้องจอด ” มณีเสี่ยงเอาดื้อๆ
“ว.สั่งทีพี่ชัย ให้แจ้งเป็นระยะด้วยว่าติดตามไปถึงท่าน้ำบ้านไหน”
ฮ.บินวนสลับฟันปลาขึ้นไปจนสุดเขตติดชายแดนลาว ป่าที่รกทึบเห็นอยู่เบื้องล่างเป็นป่าดงดิบชื้นที่ยังสวยงามและหนาแน่นด้วยไม้ป่านานาชนิด เรือนยอดจดกันจนมองไม่เห็นพื้นล่าง
“ถ้าป่าบริเวณขุนต้นน้ำห้วยสาลี่ถูกถางเมื่อไร ตะกอนก็จะลงมาท่วมแม่น้ำน่านเหมือนห้วยอื่นๆ คงต้องระวังไว้ให้ดีๆ”
มณีปรารภกับพี่ชัยๆ พยักหน้ารับรู้แต่ไม่พูดจาอีกเลย แต่พอบินล่องไปตามลำน้ำน่านฝั่งซ้ายพอผ่านบ้านน้ำเลา ดงไม้สักที่หนาแน่นก็มีรอยแผลเป็นให้เห็น มีการตัดไม้สักเถื่อนออกไปขาย แล้วแผ้วถางไร่ใหม่
“พิกัดเท่าไรครับนักบิน พื้นที่ที่ถูกทำลายจุดนี้ประมาณกี่ไร่ พี่ชัยจดลงสมุดด้วยครับ”
“น่าจะราวๆ
“สายตรวจนน.1ถึงป่านศรนารายณ์ๆ เรือไม้ไม่เข้าจอดที่ไหนเลย เข้าเขตอำเภอเมืองน่านแล้วครับ จะให้ติดตามต่อไปหรือไม่”
“ติดตามต่อไป แต่ให้สายตรวจที่สองกลับเข้าถนนสายบ้านน้ำเลา-บ้านสาลี่ พิกัด.........ตรวจการบุกรุกแผ้วถางป่าทำไร่เลื่อนลอย 50 ไร่ด้วย ฮ.กำลังจะบินกลับฐาน น้ำมันใกล้หมดแล้ว ๆ ” พี่ชัยย้ำเสียงดัง
ทะเลสาบเหนือเขื่อนสิริรกิติติ์
ฮ.เกษตร บินวนกลับฐาน มณีและพี่ชัยลงเดินตัวเบาหวิว หลังบินด้วยเฮลิคอปเตอร์มักจะเกิดอาการเช่นนี้เสมอ แต่ก็ยังโชคดีที่ไม่เกิดอาเจียนบนเครื่อง ฮ.เดินทางต่อไปยังฐานบินน่านเพื่อจอดตรวจเช็คและพักผ่อน พรุ่งนี้ค่อยว่ากันใหม่
“สงสัยแห้วอีกแล้วงานนี้ แสบจริงๆ ให้ดิ้นตาย เห็นๆ กับตาแต่ทำอะไรไม่ได้เลย” มณีบ่นพึมพำ
“ขึ้น ฮ.ตรวจเจอจังๆ สั่งการภาคสนามก็แล้ว แต่เรือบรรทุกไม้เถื่อนมันไม่ยอมเข้าท่าไหนเลยก็จับไม่ได้ โว๊ย” มณีบ่นเป็นหมีกินผึ้ง พี่ชัยหัวเราะด้วยความขบขัน
“หัวหน้าครับ แผนบินน่ะดีแต่กรณีนี้เห็นทีจะสู้สายสืบไม่ได้ครับ เห็นกันจะจะ แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ คงต้องเปลี่ยนแผนอีกที ถึงยังไงวันนี้ก็ได้รู้ว่าไม้เถื่อนที่ออกจากสำนักเราล่องเรือขึ้นไปส่งเหนือน้ำด้วยการขนส่งทางเรือ ค่อยซุ่มอีกทีครับ”
“คราวก่อนนี้ ผมพากันลงไปใต้ผาชู้ ซึ่งมีดงไม้สักมาก มันกำลังลำเลียงไปท่าน้ำเพื่อรอเรือมา โชคดีที่พวกเราจับมันได้ก่อนเรือจะออก แต่เรือรู้ทันก็ตีห่างฝั่งกลับไปอำเภอเวียงสา ก็ได้แต่คนหนึ่งคนกับไม้กองหนึ่ง”
“ตั้งแต่อำเภอเมือง อำเภอเวียงสา จนถึงเขตอำเภอนาน้อย มีแต่ ไร่ส้ม ชุมชน วัดและที่สาธารณะประโยชน์แทบหมด จะยังมีป่าเหลือก็แต่ปากแม่น้ำแหงลงมาจนถึงเขตน้ำเอ่อเหนือเขื่อนสิริกิติติ์เท่านั้น” พี่ชัยเสริม
“สายตรวจหนึ่งถึงป่านศรนารายณ์ๆ เรือน้ำมันหมดที่เขตบ้านห้วยเหลือง แต่มันปล่อยลอยตามน้ำกลับลงไปเรื่อยๆ จะให้ทำอย่างไร “ เสียงวิทยุดังได้ยินกันทั่ว ทุกคนที่อยู่ในสำนักงานหัวเราะกันเกรียว
“ป่านศรนารายณ์ถึงสายตรวจหนึ่ง ติดตามต่อไปๆ ”
“สายตรวจหนึ่งรับทราบ เปลี่ยน”
เสียงวิทยุเงียบไปแต่ในใจมณีร้อนรุ่มยิ่งกว่าไฟสุมขอน พี่ชัยก็ได้แต่หัวเราะหึๆ ตามเคย สมชายนั่งหัวเราะแล้วก็บ่นตามประสา
ป่าดงดิบชื้นอุดมสมบูรณ์ ต้องถนอมรักษา
“จะแก้ผ้าลงน้ำลุยก็ไม่ง่ายเหมือนคราวที่แล้ว เพราะว่าเรือบรรทุกไม้มันลอยน้ำด้วยแรงเฉื่อยที่เร็วไม่น้อย คงว่ายไม่ทัน ดีไม่ดีมันตีจมน้ำตายกันหมด โว๊ย”
มณีตะเบ็งเสียงเครียด มีเสียงหัวเราะงอหาย บุญสมฝ่ายจัดการป่าไม้นั่งมองด้วยความเห็นใจ ประเสริฐต้นน้ำสงสารหัวหน้าพูดอะไรไม่ออก ทุกคนทำหน้าตาบอกไม่ถูก เสียงวิทยุดังมาอีกครั้ง
“สายตรวจสองถึงป่านศรนารายณ์ๆ พบการบุกรุกแผ้วถางป่าตามพิกัดที่สั่งการแล้ว เหลือตอไม้ไหม้ไฟและเศษไม้น้อยมาก ไม่สามารถรวบรวมเป็นของกลางได้ ไม่พบผู้กระทำผิด บันทึกรายงานสรุปผลจะส่งเมื่อถึงสำนักงาน”
“ทราบ เปลี่ยน” มณีตอบด้วยความหงุดหงิดยิ่งขึ้น ป่าผืนใหญ่ 1,460 ตร.กมหรือ
ปัญหาใหญ่เกิดขึ้นแบบแก้ไขไม่ได้ ปัญหาเฉพาะหน้าที่ถ้าละเลยก็ผิดมาตรา 157 แต่ก็ทำอะไรไม่ได้ พยายามกันถึงที่สุดถึงขนาดขอเฮลิคอปเตอร์บินตรวจทางอากาศ พบการกระทำผิดซึ่งหน้า กลับทำอะไรไม่ได้เลย ชุมชนที่อยู่สองฝั่งแม่น้ำน่านมักสร้างบ้านด้วยไม้สักอย่างดี หน้ากว้าง
รู้ทั้งรู้ว่าไม้สักต้องมาจากเขตที่รับผิดชอบ แต่การลักลอบกับการช่วงชิงเวลาที่เหมาะสม มอดไม้ทำได้จังหวะที่ดีกว่า
“หัวหน้า พวกนี้มันนกรู้ครูดี จะปลูกบ้านหลังหนึ่งเขาจะใช้เสากี่ต้น ก็จะขุดหลุม เทคอนกรีตรองก้นหลุมไว้เรียบร้อย พอได้เสามาทีเดียวครบทุกหลุมเขาก็จะตั้งแล้วตีด้วยคาน ตง โครงหลังคาขึ้นเบ็ดเสร็จในคราวเดียว หลังคายังไม่ต้องมุงแค่นั้น จับไปฟ้องศาลก็แพ้ทุกครั้ง เพราะว่าศาลตัดสินว่าเป็นบ้านอยู่อาศัย เป็นสิ่งก่อสร้างไม่ใช่ไม้เถื่อนครับ” พี่ชัยเล่าให้มณีรู้สึกสบายใจขึ้น
ทางรถยนต์ในป่ากว้างใหญ่ไพศาล
“มิน่า บ้านแต่ละหลังถึงได้มีเสามากและฝาไม้หนาปึ้ก” มณีคร่ำครวญ
“สายตรวจหนึ่งถึงป่านศรนารายณ์ๆ ไม่รู้เรือหลบไปเข้าที่ท่าไหนในระหว่างวิ่งตามประกบและหาทางเข้าไปส่องดูแต่ละท่า จะให้ทำอย่างไรต่อหรือไม่ เปลี่ยน”
“กลับฐาน”
“ทราบแล้วเปลี่ยน”
เห็นไหมว่า แม้บินได้ก็ใช่ว่าจะจับมอดไม้ในเรือไม้ที่แล่นไปตามท้องน้ำได้ เหตุเกิดขึ้นจริงที่ไม่มีใครกล้าเปิดเผย ทำไมมอดไม้จึงเจริญๆ