http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,055,825
Page Views16,366,401
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

กิ่งคำปายกับยายทวดตอน๑๙.นักรบมาเคอจูลาเผชิญแกงการูปู่ฟ้าโดยเอื้อยนาง

กิ่งคำปายกับยายทวดตอน๑๙.นักรบมาเคอจูลาเผชิญแกงการูปู่ฟ้าโดยเอื้อยนาง

กิ่งคำปายกับยายทวดตอน๑๙.

นักรบมาเคอจูลาเผชิญแกงการูปู่ฟ้า

โดยเอื้อยนาง

 

เสียงดนตรีจากชาวค่ายมาเคอจูลาดังแว่วมาให้ได้ยิน  เมื่อแพรเหาะสองผืนพาผู้โดยสารทั้งคน และสัตว์ล่องลิ่วลัดเลาะทิวไม้ลงมาเหนือหุบเขาบริเวณที่ตั้งกลุ่มกระโจม

ขากลับนี่ กิ่งคำปายขอร้องยายทวด ให้ใช้แพรเหาะสองผืน จะได้ไม่ต้องยืนเบียดกันเหมือนขามา ในบางครั้งเด็กสาวก็ทำตัวเป็นเด็กแสนงอน ออดอ้อนเรียกร้องเอาสิ่งที่ตัวเองต้องการ ให้ยายทวดตามใจได้เหมือนกัน เป็นความสุขเล็ก ๆ ที่สามารถเอาชนะยายทวดได้

“ฮึ....ใช่ว่าตัวเป็นผีที่มีอิทธิฤทธิ์จะทำได้แต่สิ่งที่ตัวเองต้องการเท่านั้น”

รำพึงพลางแอบยิ้มพึงใจ ในขณะดึงแขนมามิริให้ก้าวขึ้นบนแพรเหาะที่สะบัดพลิ้วปลิวลมเข้ามา  เหมือนผีเสื้อยักษ์ขยับปีกบินร่อนช้อนกลีบดอกไม้   จิงโจ้โมบายนั้นถูกโรบินสันประคับประครองขึ้นแพรอีกผืน ที่มีตัมบูขึ้นไปก่อนแล้ว   มาถึงตอนนี้ดูเหมือนโรบินสันจะมีความรู้สึกว่า โมบายเป็นหญิงสาวแม่ลูกอ่อนที่อ่อนแอ  และต้องการการดูแลเป็นพิเศษกว่าใคร   ลูกน้อยในกระเป๋าหน้าท้องของเด็กสาวยื่นหัว และขาหน้าออกมาโบกไหว ๆให้กิ่งคำปายกับมามิริอย่างสนุก  เมื่อแพรสองผืนพลิ้วขึ้นจากพื้น แล้วเลื่อนลิ่วเคียงกัน ลดเลี้ยวผกผิน เหมือนนกสองตัวบินอยู่คู่เคียง

ฟ้าเริ่มไขแสงเมื่อแพรผืนพลิ้วลิ่วลอยมาอยู่เหนือค่ายพักชาวเผ่า   เสียงดนตรีหยุดเงียบไปแล้ว  เหล่าชายนักเต้นรำทั้งแยกย้ายกันกลับที่พักในกระโจมของตน ไฟในกองยังคงแดงโร่ให้ความอบอุ่นและสว่างเรืองไปทั่วค่าย    แพรเหาะสองผืนลอยพลิ้วลงต่ำเหนือหลังคากระโจม ที่มีกลุ่มควันสีเทาพวยพุ่งขึ้นจากกองไฟสู่อากาศเบื้องบน

ทันใดนั้น ท่ามกลางความสลัวราง กลุ่มควันที่กำลังพวยพุ่งขึ้นสู่เบื้องบนนั้นกลับกลายเป็นลำแสงสีรุ้งลอยตัวลดเลี้ยว เหมือนงูเลื้อยในอากาศ ผ่านหลังคาหมู่กระโจมมุ่งสู่ป่าใหญ่บนภูเขาสูง

“ลำแสงสีรุ้งนั้นอีกแล้ว”

ว่าแล้วเจ้านางคำปลิวก็ทิ้งร่างวอมแบตน้อยในอ้อมกอดของเหลนสาวออกไป และกลายเป็นเงาร่างของเจ้าลาวคนสวยโปร่งใส ลอยเลื่อนติดตามลำแสงนั้นไปทันที

 

“ฝากวอมแบตด้วยนะ ข้าไปเดี๋ยวเดียว”

ขาดคำแพรเหาะสองผืนก็หายวับ  ผู้โดยสารทั้งหลายหล่นลงก้นกระแทกพื้นเสียงดังตุ๊บตั๊บ

“เกิดอะไรขึ้นกับตูอีกหนอ”

หนุ่มโรบินสันได้แต่ครวญครางในใจ ไม่กล้าเปล่งเสียงออกมาเพราะเห็นคนอื่นเขาดีดตัวลุกขึ้นทันใดเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ลูกน้อยของจิงโจ้โมบายเท่านั้นที่ร้องไห้เสียงออดแอดงอดแงดออกมาอย่างตกใจ ตามประสาเด็ก  กิ่งคำปายนั้นลุกขึ้นได้ก็โก่งคอเปล่งเสียงตะโกนตามยายทวดอย่างห่วงใยไปว่า

“ระวังตัวหน่อยนะยายทวดจ๋า ใกล้สว่างแล้วด้วย”

เธอกอดวอมแบตน้อยไว้แน่น ตอนนี้ไม่มีวิญญาณยายทวดสิงสู่ มันกลายเป็นสัตว์ป่าธรรมดา เริ่มดิ้นรนหาอิสรภาพ เด็กสาวต้องกอดกระชับมันไว้กับอก ให้ความอบอุ่นคุ้นเคยกับมัน  และปลอบโยนมัน

ทันใดนั้น มีเสียงเคาะไม้ดังรัวขึ้นมาจากในค่าย   มามิริกับตัมบูฉุดแขนเพื่อต่างผิวให้หมอบลงข้างพุ่มไม้แล้วเงี่ยหูฟัง   นางจิงโจ้โมบายยกขาหน้าที่กุดสั้นขึ้นกดหัวลูกน้อยให้หลบเข้าในกระเป๋าหน้าท้องพลางจุปากปลอบโยนให้เงียบเสียง

เสียงเคาะไม้ดังไปรอบ ๆ กลุ่มกระโจม   ปลุก ชาวค่ายทั้งหลายให้ลุกขึ้นมารับรู้เหตุด่วนเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในค่าย

“เกิดอะไรขึ้น”

“มีคนหายไป”

“ออกมา ทุกคนออกมารวมกันอยู่ที่ลานเดี๋ยวนี้”

ชายหญิง ลูกเล็กเด็กแดง คนเฒ่าคนแก่ ทั้งหมดที่มีถูกปลุกขึ้นมา เพื่อสำรวจหาว่าสมาชิกในกระโจมใดที่อยู่ไม่ครบ

“มีใครหายไป”

ต่างถามไถ่กันเซ็งแซ่

“มามิริ  ตัมบู และเพื่อนผู้มาใหม่...ข้ารู้พวกเขาแอบหนีไปตั้งแต่เมื่อคืน”

เสียงตะโกนบอกชื่อเธอออกมาชัดเจนนั้นมามิริจำได้ว่า  เป็นเสียงของอารันดารีพี่สาวต่างมารดาของเธอ  คนสวยประจำค่ายนั่นเอง

“อารันดารี พี่ข้า  ”

มามิริเอ่ยออกมาอย่างคลางแคลง  ชะโงกหน้าออกไปมองดูผู้คนที่ถูกต้อนออกมาชุมนุมกันอยู่กลางลานหน้ากระโจมพัก   เห็นร่างของเธอผู้นั้นยืนเด่น  กำลังประกาศให้ใคร ๆ  รู้ว่าตัมบูกับมามิริพาเพื่อนใหม่หนีไปไหน

“อารันดารี  ใช่...”

โรบินสันทวนชื่อนั้น นึกไปถึงสายตาคมกล้าเหมือนมีดวงไฟวับแวมคู่นั้น เช่นเดียวกับจิงโจ้โมบาย  แม้เธอจะเป็นเพียงวิญญาณในร่างสัตว์  แต่เธอก็ดูออกว่าหญิงสาวผู้นั้นมีไฟริษยาซ่อนไว้ในใจ

“พี่ของเจ้าเขาอิจฉาเจ้าละซี”

นางจิงโจ้ทำเสียงเหมือนมนุษย์ที่ช่างพูดกระแนะกระแหน

ไม่แปลกหรอก  โรบินสันคิด  เห็นด้วยกับจิงโจ้โมบาย  ก็หญิงสาววัยเบ่งบานสะพรั่งพราวเต็มไปด้วยเลือดเนื้อ  และชีวิตชีวาอย่างอารันดารี แต่ต้องถูกเก็บกดไว้ให้เป็นเมียคนแก่หง่อมคราวปู่ เธอจึงมีความรู้สึกไร้สุขซุกซ่อนอยู่ภายในก้นบึ้งแห่งห้วงหัวใจ  เหมือนน้ำที่ถูกเก็บกักไว้ในกระบอก  หรือแท็งก์ใหญ่เต็มเปี่ยมปริ่ม พร้อมจะไหลพุ่งออกมาแม้มีช่องเพียงน้อยนิด

“ข้าจะไปพูดกับนางให้รู้เรื่อง”

มามิริลุกขึ้นก้าวพรวดออกไป แต่ถูกตัมบูฉุดรั้งไว้ก่อน

“หากเราออกไปให้เขาพบเห็นตอนนี้ก็มีแต่ต้องรับโทษ ...ตาย”

คำพูดของตัมบูผู้เป็นลูกพี่ลูกน้อง ผู้มีแต่ความรักและปรารถนาดีต่อกันตลอดมาทำให้เด็กสาวชาวเผ่าได้คิด  เธอชะงักขาที่กำลังจะก้าวเดินออกไป  หันกลับมามองทุกอย่างรอบตัว  เกิดความหวาดหวั่นขึ้นมาแทน  เสียงตัมบูตอกย้ำหนักแน่นทำให้เธอหงุดหงิดลังเล

“หากถูกจับได้เราคงถูกสอบสวน ไปหลายเรื่องหลายราว  หลายคราวที่เราเคยละเมิดกฎของเผ่าเข้าไปในดินแดนต้องห้ามนั้นโทษหนักนัก  และดีไม่ดีแม่เฒ่านาไบ  กิ่งคำปาย กับ โรบินสันก็อาจต้องตายด้วย”

“งั้นคงต้องหลบไปก่อนแล้วหละตอนนี้”

กิ่งคำปายตัดสินใจรวดเร็ว ก็โธ่...ถูกมอเตอร์ไซค์เหวี่ยงลงข้างถนน และหล่นลงมาจากเครื่องบินยังไม่ตายเลย  จะให้มาตายเพราะอาวุธด้ามยาวของชาวเผ่า จะให้ยอมได้อย่างไร ต้องหลบไปก่อนหละ

ไม่มีใครคัดค้าน ทั้งสี่พร้อมด้วยจิงโจ้แม่ลูกอ่อนจึงลุกขึ้นหันหลังกลับวิ่งสู่ชายป่า

“พวกเขาอยู่ทางนั้น”

เสียงตะโกนตามมา อารันดารีวิ่งนำหน้าผู้คนทั้งหลายที่ติดตามกันเป็นพรวน เร่งให้ทั้งสี่วิ่งสุดกำลัง ป่ายูคาลิปตัสโปร่ง ๆ ข้างหน้าคือจุดหมาย

“พวกเจ้าวิ่งไปก่อนข้าจะจัดการเอง”

นางจิงโจ้โมบายหยุดวิ่ง ตะโกนบอก  พลางกระชับลูกน้อยในกระเป๋าหน้าท้องแน่น  ก่อนหันหน้ากลับมาปักหลักเผชิญกับฝูงชนที่วิ่งกันหน้าตั้งตามมา  สองขาอันใหญ่โตแข็งแรงเหยียดขึ้นเต็มที่  มองเหมือนคนที่ร่างกายสูงใหญ่ยืนตระหง่านไม่หวั่นเกรงศัตรู  ขาหน้าสั้นยื่นออกไปข้างหน้าปะทะร่างอารันดารีที่วิ่งมาหน้าสุดให้หงายหลังลงทันที อารันดารีกรีดร้องด้วยความตกใจและโมโห ทั้งถูกจิงโจ้ผลัก ทั้งคนอื่น ๆ วิ่งตามหลังยังมาชนจนล้มทับระเนระนาดลงมาอีก  กระนั้นหลายคนก็ยังพยายามวิ่งข้าม และเหยียบร่างเธอไปอีก จนอลหม่านชุลมุน

“หยุด...”

เสียงมีอำนาจดังขึ้น กลุ่มคนทั้งค่ายหยุดชะงัก ที่ล้มลงทับกันระเนระนาดค่อย ๆ ลุกขึ้นแล้วฟังคำสั่งชายผู้อาวุโสผู้หนึ่ง ที่เป็นผู้ตะโกนบอกให้หยุด

จิงโจ้โมบายค่อย ๆ  ถอยหลังอย่างระมัดระวัง

“โมบายมาเถอะเร็ว ๆ เข้า”

เสียงเพื่อนที่วิ่งไปในป่าเรียกอย่างห่วงใย โมบายกลับส่งเสียงดุกลับไป และเร่งให้พวกเขารีบหลบให้ไกล ๆ ไม่ต้องห่วงเธอที่เป็นผี

“ทุกคนกลับที่พักให้หมด ให้พวกนักรบเท่านั้นออกตามล่าเอาคนผิดมาทำโทษ” นั่นเป็นเสียงสั่งการของชายผู้มีอำนาจในเผ่า

“นักรบหรือ”  โมบายหูผึ่ง ตะลึงมองอยู่เป็นครู่

ชาวเผ่าทั้งหลายต่างแยกย้ายกันกลับตามคำสั่ง เหลือแต่เหล่าชายฉกรรจ์ที่แปลงกายเป็นนักรบแต่เมื่อใดไม่ทันเห็น ต่างคนแต้มสีสันบนใบหน้า เนื้อตัวที่มีแต่ผิวหนังห่อหุ้ม หามีเสื้อผ้าอาภรณ์ใดปิดกายไม่  มีเพียงสายหนังสัตว์คาดประดับศีรษะ เสียบแซมขนนกและกิ่งไม้เข้าไป เหมือนกับตามข้อมือ ข้อเท้า และสะเอว กระชับอาวุธไม้ท่อนยาวในมือ วิ่งมารวมแถว ตะโกนขึ้นพร้อมกันด้วยเสียงอันดัง ก่อนกระทุ้งอาวุธลงดิน เสียงดังฉึก !!

ผีก็ผีเถอะตกใจกลัวเป็นเหมือนกัน โมบายผีแม่ลูกอ่อนจึงได้แต่หันหลังกลับแล้วทำตัวให้หายวับไปอย่างรวดเร็ว

“ตามนางจิงโจ้ตัวนั้นไป”

หัวหน้านักรบออกคำสั่ง ร่างลายพร้อยวิ่งพลางกระโดดพลางตามกันเป็นทิวแถว

ฟ้าเบื้องนอกสว่างเรื่อเรือง โมบายพยายามซอกซอนเข้าในป่าลึกที่ยังมีความมืดปกคลุม แสงตะวันทำให้พลังของเธอถดถอย ที่ผ่านมาได้แต่อาศัยบารมีของยายทวดจึงสามารถดำรงอยู่ในสภาวะนี้ได้เป็นปกติทั้งกลางวันและกลางคืน

นักรบทั้งหลายเป็นนักตามรอยสัตว์ที่ชำนาญกันทุกคน จิงโจ้โมบายกระเตงลูกน้อยกระโดดฮอบ ๆ หลบหนีอยู่ได้ไม่นานก็มีเสียงอาวุธด้ามยาวอันหนึ่งพุ่งฉิวเฉียดผ่านหัวไป  โดนต้นไม้ดังฉึก !!

ผีสาวแม่ลูกอ่อนตกใจจนกระโดดตัวลอย  ทิ้งร่างสัตว์ที่อาศัยสิงสู่ไว้ก่อน ร่างโปรงใสของเด็กสาวนักซิ่งมอเตอร์ไซค์ สะพายกระเป๋าเป้ใส่ลูกน้อยของเธอลอยเลื่อนออกจากจิงโจ้ ลอยขึ้นสู่ปลายไม้สูงขึ้น ๆ

แกงการู ปู่ฟ้า.....

นักรบที่เป็นผู้พุ่งเหลนใส่จิงโจ้เห็นร่างโปร่งใสลอยออกจากตัวมัน เขาร้องตะโกนขึ้นอย่างตกใจและหวาดหวั่นขวัญหนีดีฝ่อ ทรุดฮวบลงคุกเข่ากับพื้น พลางชี้มือบอกคนอื่น ๆ ที่ติดตามมา

“ปู่ฟ้ามาในร่างของจิงโจ้”   เสียงพึมพำย้ำบอกกัน  พลันทุกสายตาก็ต้องเบิ่งมองแหงนเงยขึ้นไปที่ปลายไม้สูง

 

ลมพัดกิ่งไม้โอนไหว ร่างเบาหวิวของโมบายไหวโอนตามกิ่งไม้  เธอโบกมือให้เหล่านักรบที่ด้านล่างไหว ๆ อย่างยั่วล้อ   ก่อนค่อย ๆ เลือนหายไป

 ทั้ง ๆ ยังงงงันนักรบทั้งหลายหันหลังกลับทันทีราวกับติดปีกที่ขา  ชั่วอึดใจเดียวก็มาหอบตัวโยน  หน้าตาตื่นที่ลานชุมนุมของค่าย

คนทั้งค่ายต่างชุมนุมกันอยู่รอบกองไฟกองใหญ่ กลางลานที่ล้อมด้วยกระโจมพัก

“จับตัวพวกเขาได้ไหม”

อารันดารีร้องถาม เมื่อมองเห็นเหล่านักรบมาแต่ไกล ครั้นแล้วเธอและทุกคนในค่ายต่างมีอาการเงียบงันและหวั่นหวาดขึ้นมาแทน เมื่อเรื่องราวของนางจิงโจ้ถูกถ่ายทอดออกไป

จิงโจ้เป็นสัตว์มีบุญคุณต่อชาวเผ่ามาแต่โบราณกาล   ตัวมันใหญ่โตให้เนื้อมากมาย  เป็นอาหารอย่างดีของมนุษย์  หนังของมันใช้ห่อห่มให้ความอบอุ่น พวกผู้ชายใช้กระดูกของมันติดหัวอาวุธและเครื่องมือขุดเจาะ  ฟัน  แทง  หรือเหลาสิ่งอื่น ๆ ให้แหลมคม  พวกผู้หญิงใช้หนังของมันทำเป็น ตะกร้าตักน้ำ หรือถุงบรรจุสิ่งของ  และแม้แต่ใช้บรรจุทารกน้อยเพื่อนำติดตัวเดินทางไปไหน ๆ  ได้สะดวก

เชื่อกันว่าจิงโจ้นั้นมีจิตวิญญาณเช่นเดียวกับมนุษย์   ตั้งแต่ครั้งก่อน นานมาแล้ว ในยุคแห่งดรีมไทม์

“นั่งลงเถิดทุกคน”

ผู้อาวุโสประจำเผ่าเปล่งเสียงแผ่วเบา  นั่งลงกลางเหล่าชาวค่ายซึ่งต่างทำตาม  แวดล้อมท่านไว้เหมือนดาวล้อมเดือน   ชายชราเริ่มเล่าเรื่องแห่งยุคดรีมไทม์

“มนุษย์และสัตว์ทั้งหลายล้วนพูดภาษาเดียวกัน เป็นเพื่อนกัน พึ่งพาอาศัยกัน”

ทุกคนเงียบกริบ  เหมือนตกอยู่ในห้วงแห่งภวังค์  ตั้งอกตั้งใจฟังตำนานอันสืบเนื่องมาจากความเชื่อทางศาสนา  แทรกความรู้  คติเตือนใจ  ข้อห้าม  ความประพฤติของผู้คนให้ฝังแน่น เชื่อฟัง เด็ก ๆ ขยับเข้าในอ้อมกอดอันอบอุ่นของพ่อแม่

“วันหนึ่งขณะที่ผู้คนกำลังประกอบพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์อยู่ พวกผู้ชายกำลังเต้นรำไปรอบกองไฟ พวกผู้หญิงตีกลองและร้องเพลงกันอยู่อย่างสนุกสนานนั้น มีจิงโจ้ตัวหนึ่งแอบดูอยู่ด้วยความเพลิดเพลิน มันหลงใหลในเสียงเพลง และจังหวะการเต้นรำ มันแอบดูอยู่ด้วยความรู้สึกอันดื่มด่ำ เคลิบเคลิ้ม และในที่สุดด้วยอำนาจของพลังเพลงมันจึงกระโดดออกมาเต้นรำด้วยอย่างลืมตัว

“มันพยายามทำท่าให้เหมือนมนุษย์ที่สุด ด้วยการเหยียดกายยืนขึ้น แล้วเต้นรำโดยใช้เพียงขาหลังสองขา ส่วนขาหน้าคู้เข้าไว้เหมือนแขนมนุษย์ ท่าเต้นของมันดูตลก แต่ก็น่ารัก และน่าสนุก เร้าใจจนนักเต้นรำทั้งหลายในที่นั้นอดไม่ไหว ต่างออกท่าทางตามอย่างมัน ทำให้เกิดมีเต้นรำจังหวะจิงโจ้มาตั้งแต่บัดนั้น มนุษย์เราก็ถือว่าจิงโจ้เป็นสัตว์สำคัญ เราจะจับ หรือล่าจิงโจ้ก็เฉพาะตัวที่โตเต็มที่ เพื่อใช้เป็นอาหารตามความจำเป็นเท่านั้น”

“อย่าไปฆ่าจิงโจ้โดยไม่จำเป็น หรือทำเล่นเพื่อเกมสนุก มันมีจิตวิญญาณเหมือนมนุษย์ มันสามารถกลายร่างเป็นมนุษย์ได้  มันเป็นตัวแทนของปู่ฟ้า  ที่กลายร่างลงมาเยือนหมู่มนุษย์  มาเรียกเอาวิญญาณมนุษย์กลับไปสู่ดินแดนแห่งดรีมไทม์  อาจบางทีมามิริ กับตัมบูคงเป็นมนุษย์ที่ปู่ฟ้าต้องการ  สองคนอาจกลายร่างเป็นจิงโจ้ไปแล้วก็ได้”

และนั่นแหละการตามล่าสองผู้ทำผิดมาลงโทษจึงถูกเลิกล้มไป

๐๐๐๐๐๐

Tags : กิ่งคำปายกับยายทวดตอน18.

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view