http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,057,643
Page Views16,368,365
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

บ้านทุ่งแสนสุข โดยมณีดิน ตอน4.ชักกบ

บ้านทุ่งแสนสุข โดยมณีดิน ตอน4.ชักกบ

บ้านทุ่งแสนสุข

โดยมณีดิน

ตอน4. ชักกบ

 

                 คลองห้วยคันแห้งขอด มีเพียงท้องคลองบางตอนเป็นที่ลุ่มน้ำขังเท่านั้นที่ฉ่ำแฉะ วัชพืชริมคันคลองรกเรื้อด้วยหญ้าลูกนก หญ้าแพรก หญ้าขน ผักบุ้ง ผักตบชวาที่ตกค้างในที่ลาดลุ่ม การสัญจรทางน้ำของเหล่าเรือหยุดกิจการชั่วคราว วัฒนธรรมที่มากับน้ำก็พลอยหยุดกิจกรรมไปด้วยเหมือนกัน

                  ผมรู้สึกหงอยเหงาตามน้ำไปด้วย ผมเคยย่ำย่องไปตามชายคลองในคืนเดือนมืด พร้อมด้วยไฟฉายและฉมวกประจำกาย ก็ต้องหยุดด้วยเหมือนกัน  

                  ผมยืนหันรีหันขวางอยู่หน้าบ้านเหมือนไม่รู้จะไปทางไหนดี แล้วผมก็ตัดสินใจเดินไปหาไอ้เสริมที่บ้านเหนือ ไอ้เสริมนี่แท้ที่จริงมีศักดิ์เป็นหลานของผม ด้วยว่าผมเรียกแม่ไอ้เสริมว่าพี่  แต่เมื่อเกิดมาปีเดียวกัน  ก็เล่นด้วยกันเหมือนเพื่อนร่วมรุ่น

                   ไอ้เสริมกับผมมีอะไรคล้ายๆกันหลายอย่าง เช่นมีรูปร่างผอมกะหร่อง ผิวพรรณหน้าตาก็กระดำกระด่างพอๆกัน  ดูแล้ว”ขี้เหร่”ทั้งคู่ และซุกซนจนขึ้นชื่อ

                    บ้านไอ้เสริมเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวใต้ถุนสูง ลมพัดผ่านเย็นสบาย มีแคร่ไม้ไผ่ตั้งอยู่ตัวหนึ่ง ไอ้เสริมนั่งอยู่บนเก้าอี้เตี้ยๆตัวหนึ่ง

                    “เสริม ทำอะไรอยู่วะ” ผมร้องถามแล้วทรุดตัวลงนั่งบนขอนไม้ท่อนหนึ่ง

                    “เหลาคันชักกบอยู่นี่ไง” พลางก็ยกให้ผมดู

                    มันเป็นไม้ไผ่ผ่าเสี้ยวโตขนาดนิ้วกลาง ติดผิวด้านหนึ่ง อีกสามด้านเป็นเนื้อไม้ไผ่ ยาวราวๆ 4 ศอก   มันเหลาจนแบนและอ่อนตัวได้ง่าย โคนคันชักกบโตกว่าส่วนปลาย

                     “เฮ้ย มึงจะไปชักกบเหรอ” ผมถาม

                     “เออ ไปไหม” ไอ้เสริมพูดชวน แล้วก็ก้มหน้าก้มตาเหลาคันชักกบให้เลียบ  ผมเกิดความอยากทำบ้าง

                     “กูไม่มีคันชักอย่างมึง” มองหน้าไอ้เสริม

                     “มึงก็เหลาเอาเองซี ทำไม่เป็นก็ดูกูทำไปด้วยเดี๋ยวก็ได้อาวุธ” ไอ้เสริมพูดพลางโยนมีดพกปลายแหลมคมกริบให้เล่มหนึ่ง

                     “โน่น ไม้ไผ่ มึงไปผ่าเอาเอง ขนาดเท่าๆของกูนะ” ผมทำตามอย่างว่าง่าย  หยิบมีดแล้วผ่าไม้ไผ่ตามที่เพื่อนบอก แล้วนั่งลงบนขอนไม้ท่อนเดิม ลงมือเหลาคันชักอย่างขะมักเขม้น

                      ผมรู้สึกทึ่งในความสามารถของไอ้เสริมยิ่งนัก มันทำเป็นทุกอย่างโดยพาะที่เกี่ยวข้องกับการหากบหาปลา

                       แล้วทั้งสองก็ทำงานไป คุยกันไปตามประสาเพื่อนวัยเดียวกัน  พอได้คันชักที่เกลากลึงจนสมใจแล้ว จึงหันไปตัดลวดซี่กงล้อรถจักรยานซึ่งพังแล้วด้วยคีมปากนกแก้ว ไอ้เสริมบีบขาคีมจนแน่นด้วยมือซ้าย แล้วใช้มือขวาถือค้อนทุบไปบนปากคีม ลวดยาวราวๆ 1 คืบกระเด็นออกมา จนได้สองเส้น

                       “ลวดซี่กงล้อรถจักรยานนี่ มันแข็งแกร่ง ทนดี”

                       ไอ้เสริมเล่าพลางก็ยกก้อนหินลับมีดมาวางใกล้ๆตัว  ใช้ขันตักน้ำมาวางใกล้ๆหิน  แล้ววักน้ำรดลงไปบนหินให้เปียกชื้น มันลงมือ “ฝน” ปลายข้างหนึ่งของซี่กงล้อ ชักเข้าชักออก พร้อมกับบิดวนไปทีละเหลี่ยม ๆ เส้นลวดที่ฝนกับหินลับมีดร้อนระอุจนรู้สึกได้ มันวักน้ำรดหินลับมีดเป็นระยะๆ แล้วก็ฝนปลายลวดทีละเหลี่ยมๆ จนส่วนปลายแหลมและคมกริบ

                        ผมนั่งดูไอ้เสริมทำ แล้วลงมือทำตามอย่างบ้าง แม้ว่าจะทำได้ชักช้ากว่าไอ้เสริม แต่ด้วยเป็นคนช่างสังเกต ผมก็ฝนจนปลายเส้นลวดซี่กงล้อของมันแหลมคมเช่นกัน 

                        ผมอดมองดูไอ้เสริมด้วยความชื่นชม มันช่างมีทักษะสารพัดเรื่อง  ผมเสียอีกทำอะไรก็ไม่เป็นเลย อาจด้วยเราต่างมีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน

                        ไอ้เสริมดูของทั้งสองชิ้นแล้วก็พยักหน้า “ใช้ได้” แล้วมันก็ลุกไปก่อกองฟืนให้ไฟลุกเป็นเพลิง มันใช้ผ้าขี้ริ้วรองมือจับปลายข้างหนึ่งของลวด แล้วแหย่ส่วนเหนือปลายแหลมสัก 2 นิ้วเข้าไปในเพลิง เหล็กลวดแข็งๆโดนความร้อนจนแดงได้ที่มันก็ชักออกแล้วกดลวดข้างแหลมลงไปบนก้อนหินลับมีดจนโค้งงอรูปตัวยู  พลิกกลับมาวางบนท่อนไม้แล้วใช้ฆ้อนทุบแต่งโค้งจนเข้าที่สวยงามแล้วโยนลงในขันน้ำให้เย็นทันใด  เสียงลวดร้อนถูกน้ำดัง “ฉ่า”

                       ไอ้เสริมกับผม ลงมือใช้ตะไบเหล็กสามเหลี่ยมแทงถูๆ ที่ปลายข้างแหลมด้านในโค้ง จนได้เงี่ยงแหลมคมไว้สลักเนื้อเหยื่อเมื่อชักมันติด

                      “เงี่ยงนี้จะทำให้กบมันดิ้นไม่หลุด”

                       ขั้นตอนสุดท้าย ผมและไอ้เสริม นั่งมัดลวดซี่ล้อกับคันชักจนเนียนแน่นด้วยลวดเส้นเล็กๆ มัดขวั้นเรียงไปทีละเส้นๆ จากปลายไม้คันชักจนสุดความยาวลวดซี่กงล้อ มัดซ้ำซ้อนถึงสองครั้ง ลวดแนบแน่นกับเนื้อไม้ไผ่สนิท เท่านี้ก็ได้เครื่องมือชักกบแสนวิเศษ ไอ้เสริมลองแหย่ๆชักๆให้ดู เป็นอันว่าพร้อมลุย

                       ไอ้เสริมคว้าผ้าขาวม้าผืนเก่าคาดพุง แล้วสองเด็กจอมซนก็เดินคู่กันไปบนคันคลองน้ำแห้ง แบกคันชักกบคนละคัน  ไอ้เสริมเดินนำหน้าอย่างมั่นใจ ผมเดินนตามไปติดๆด้วยความสนใจ สองเกลอไต่ลงไปในท้องคลอง พลางก็มองหารูกบ ข้างตลิ่ง

                       “รู้นี้ มันรูปู มีรอยขาปูกดลึกที่ปากรู มึงเห็นไหม” ไอ้เสริมชี้ชวนให้สังเกต

                       “เออ  งั้นรูนี้ไม่ใช่รูปูแน่เลย ปากรูมันแผล็บ” ไอ้ดำก้มเข้าไปดูจนแทบจะติดรู แล้วบอกไอ้เสริม 

                       “มึงลองชักดู”

                       ไอ้เสริมพูดค่อยๆ แล้วยืนมองดูไอ้ดำแหย่คันชักเข้ารู ไอ้ดำแหย่จนลึกหมดด้าม แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติ พยายามชักเข้าชักออกอยู่หลายทีก็ไม่มีอาการแสดงใดๆว่าจะมีอะไรติดตะขอชักกบออกมาเลยสักอย่าง มันจึงชักพรืดออกมาทันที

                       “ไม่มีทั้งปูและกบเลยว่ะ มันคงออกไปหากินมั้ง”

                       “รูร้าง  ไปเหอะ”

                       ไอ้เสริมพูดพลางก็ชวนกันเดินย้อนขึ้นไปบนคันคลอง แล้วเดินเลยไปหลังวัด กลางทุ่งนากว้างใหญ่สุดสายตา ดินแห้งผากแตกระแหง ตอซังข้าวแห้งๆหลงเหลืออยู่นิดๆ ไอ้สองเกลอรู้ดีว่าตอซังข้าวเหลือเผาอย่างนี้อย่าได้ไปเหยียบ คมจะบาดเท้าได้แผลกลับบ้าน มันย่องลอดผ่านไปทีละก้าวอย่างเชี่ยวชาญ กวาดสายตาไปตามขอบคันนาหญ้ารกเรื้อ  เลียบเลาะมองหาว่า จะมีรูกบหลบอยู่บ้างไหม

                         “ลองรูนี้ซิ”

ผูกเอว

                         ไอ้เสริมชี้ชวนแล้วเดินลงไปใกล้ๆรูริมคันนา มันแหวกหญ้าปากรู  แต่เห็นร่องรอยเลียบลื่น มันเห็นรอยเล็บตีนกบจางๆ มันแหย่คันชักเข้าไปครึ่งหนึ่งแล้วชักแล้วก็แหย่ลงลึกเข้าไปอีกแล้วก็ชัก ท่าทีฉงนเหมือนผิดปกติ มันแหย่คันชักลึกเข้าไปอีก

                         ทันใด มันสะดุ้งจนคันชักเขยิบไหว หนูพุกตัวหนึ่งพุ่งพรวดออกจากรูอย่างรวดเร็ว ไอ้เสริมผงะหงาย  ปล่อยคันชักหลุดคารู ผมฟาดคันชักตามไปที่หนูพุกตัวใหญ่ แต่พลาด  เงื้อก็ช้าตัดสินใจก็ช้า คันชักฟาดลงดินดังเพี๊ยะๆ หนูหัวเราะฟันแหงวิ่งแจ้นไปไกลจนตามไม่ทัน

                          “กูแหย่ลงไปมันโดน มันดิ้นหยุ่นๆ กูนึกว่างู แม่งเสียดาย” ไอ้เสริมคร่ำครวญ

                          “ไม่งั้นก็ได้กินหนูย่างหอมกรุ่นเลยนิ” ผมเสริม ทำทีน้ำลายสอ

                          ฤกษ์ไม่งามยามไม่ดีเสียแล้ว สองเกลอตัดใจเดินกลับ ตะวันรอนๆอ่อนแสงลงจนใกล้ค่ำ แสงสีส้มแดงฉาน “ผีตากผ้าอ้อม” ดูน่ากลัว ยิ่งต้องเดินผ่านวิหารหลังเก่าใต้ต้นมะขามเฒ่า     ดูรกครึ้มอึมครึมยิ่งน่ากลัว สองเกลอจ้ำพรวดๆ เพื่อให้ผ่านไปเร็วไว  คันชักกบพาดบ่าไหวเยิบๆ ตามแรงก้าวเท้าเดิน  พ้นเขตวิหารเก่าได้สองเกลอหายใจโล่งอก หน้าตาเลี่ยนๆ แล้วชักแถวขึ้นสะพานข้ามคลอง ผมเลี้ยวเข้าบ้านย่านโรงสีฝั่งซ้ายมือ ไอ้เสริมเดินเลี้ยวขวาไปทางบ้านเหนืออันเป็นบ้านของมัน  

                        

Tags : บ้านทุ่งแสนสุขโดยมณีดิน ตอน3.ใต้ร่มจามจุรีมีชีวิต

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view