บ้านทุ่งแสนสุข
ตอน17 ขุดบ่อโจน
โดย มณีดิน
น้ำในคลองลัดหน้าบ้านผมแห้งขอด เหลือเพียงดินเลน ไม่มีการสัญจรใดๆผ่านคลองนี้อีกแล้ว สะพานไม้ทอดเลียบคลองเป็นเหมือนทางเดินลอยฟ้า น้ำในคลองหน้าวัดห้วยคันสีขุ่นๆ ลึกไม่เกินเข่าของผู้ใหญ่ ผักบุ้งข้างคลองเลื้อยแนบไปกับดินเลนชายคลอง น้ำลดถึงระดับนี้ไม่มีเรือลำใดพายผ่าน
ด้วยว่าเรือทุกลำถูกเข็นขึ้นคานใต้ถุนบ้านแล้ว
แม้แต่เรือบดของพระสงฆ์ที่วัดห้วยคันที่เคยใช้พายไปบิณฑบาตรก็ถูกเข็นไปขึ้นคานใต้ถุนกุฎิ เหมือนกัน การเก็บใต้ถุนเรือนหรือกุฎีก็เพราะว่าต้องการถนอมรักษาเรือจากแดดที่แผดเผา รอเวลาน้ำมาปีหน้าจะได้ใช้ประโยชน์กันอีก
พระสงฆ์เปลี่ยนจากพายเรือเป็นเดินไปบิณฑบาตรทุกเช้า
ช่วงที่เดินผ่านสะพานไม้ข้ามคลองนั้น น้ำนิ่งๆในคลองสะท้อนเงาจีวรเหลืองๆเคลื่อนไหว งามจับใจ
ก่อนพระออกบิณฑบาตร ผมมีหน้าที่ไปตั้งโต๊ะเล็กๆตั้งขันข้าวและถ้วยแกงเพื่อให้แม่ได้ตักบาตร บางวันพี่ยี่ก็ออกมาตั้งโต๊ะให้ป้าป่วนเหมือนผม แต่วันไหนพี่ยี่ไม่อยู่ผมก็จะรีบเดินไปช่วยตั้งโต๊ะให้ป้า พระจะมาจากบ้านป้าป่วนแล้วถึงบ้านผม
วันหนึ่งแม่เล่าให้ฟังว่า
“ที่แม่ให้มึงตั้งโต๊ะรอตักบาตรพระก็เพราะว่า หลังพระบิณฑบาตร แม่คลอดมึงออกมาทันที คลอดง่ายอย่างกับหมูออกลูก แต่มึงแหกปากร้องมาก ร้องได้ร้องดี แล้วก็ตัวดำปี๋”
นั่นถือเป็นกรรมหรือเป็นบุญ แม่ใช้ผมได้ใช้ผมดี ไม่แค่ตั้งโต๊ะรอพระ แต่ใช้ทุกเรื่อง ที่ไม่มีใครทำได้ เฮ้อ ใช้ง่ายก็โดนใช้ประจำ
หลังพระบิณฑบาตร ผมมีหน้าที่ไล่เก็บโต๊ะ เก้าอี้ ขันข้าว ถ้วยแกง แล้วก็รีบกินข้าวเพื่อไปโรงเรียน นักเรียนเดินผ่านสะพานไม้ข้างคลองลัดเป็นทิวแถว ดูเหมือนเรียงเป็นริ้วๆ แต่ความจริงเดินกันไปกลุ่มละ 2-3 คน เต็มสะพาน แต่ไปทีละกลุ่มๆ บางทีก็มีทโมนบางตัวรีบจะไปเล่นที่โรงเรียน วิ่งลัดเลาะเพื่อนๆพี่ๆไปอย่างกับเห็นผี หลังน้ำลดสะพานมีชีวิตชีวาอย่างเดิม
“ดำ เย็นนี้ไปขุด”บ่อโจน”กับกูนะ น้ำจะแห้งคลองแล้ว ปลาช่อนตัวอ้วนๆปลาหมอตัวเท่าฝ่ามือ ปลาดุกผิวเหลืองอ๋อย มึงเอ๊ย ได้สักตัว ปิ้งกินอร่อยเหาะ”
เสริมอีกตามเคยที่ชอบชวน มันเป็นเพื่อนที่ชอบเรื่องอย่างนี้ ในกลุ่มลูกหลานเจ๊กโรงสีก็ไม่มีใครเขาไปกับมัน เขาเห็นมันเป็นเพื่อนที่ไม่ปกติเพราะว่ามันชอบชักกบ ยิงนก ตกปลา ดักลอบ วางแร้ว ปักเบ็ด ลงข่าย แม้แต่ตีผึ้ง
ผมกับเสริมเลยกลายเป็นจอมทโมนจอมซนจอมยุ่งไปโน่น ทั้งๆที่ผมกับเสริมก็แค่ชอบแตกต่างจากไอ้อ็อดหรือไอ้กล้า พวกมันชอบเล่นไพ่
โรงเรียนเลิก ผมกับเสริมเดินเลี่ยงไปเหนือสะพานข้ามคลอง ตรงกับปากคลองลัดพอดี ผมวางกระเป๋านักเรียนไว้ข้างเสาสะพานบนชายคลอง แล้วก็ลงไปช่วยเสริมควักดินจากชายคลองไปถมเป็นคันขวางคลอง ดินเหนียวเปียกน้ำเหลวไปบ้างก็ไหลกลับลงไป ดินเหนียวเนื้อๆก็จะจับกองกันจนดินคันกั้นน้ำเริ่มตั้งคันได้ ผมกับเสริมทำกันจากคนละฝั่งคลอง ชั่วครู่หนึ่งก็บรรจบกันที่กลางคลอง
คันดินของเรากว้างกว่าคืบ สูงจากน้ำกว่าครึ่งศอก น้ำเริ่มเอ่อขึ้นทีละนิดๆ เสริมเริ่มปรับเปลี่ยนคันดินให้เป็นบ่อดิน รูปกลมรีๆ ขุดดินลงไปลึกกว่าศอก ลูบก้นบ่อให้มนลื่นแล้วไปดึงกองหญ้าข้างคลองมารองก้นอีกทีหนึ่ง ปากบ่อเป็นมันแผล้บปริ่มน้ำระดับต่ำกว่าฝ่ามือ
ถ้าไม่ผิดพลาดคืนนี้ปลาจะได้กลิ่นดินโคลนและว่ายมาชนคันกั้น
บ่อโจน
ปลาจะว่ายเลาะไปตามคันดินเพื่อหาทางข้ามไป จนมาถึงปากบ่อที่ลื่นและเรี่ยน้ำมากที่สุด มันจะสะบัดหางโพงน้ำตะวัดตัวลงไปในบ่อโจน แล้วก็จะดิ้นกระแด่วๆอยู่ในดงหญ้า จะกระโจนขึ้นมาอีกก็ไม่มีน้ำพอที่จะสะบัดหางดีดตัว ในที่สุดก็จะยอมจำนนนอนนิ่งอยู่ในบ่อโจน
ในจำนวนปลาทั้งมวล ปลาช่อนนี่ไม่มียอมให้อะไรมาขวางกั้นเขาได้ ด้วยแรงสะบัดของหาง เขากระโจนหนีไปจากถังหรือกระชังปลาที่เปิดฝาทิ้งไว้มานักต่อนักแล้ว แต่ปลาหมอกลม(หมอตาล)จอมทรหด ถ้าได้กลิ่นโคลนใหม่ๆที่ไหน หรือหลังฝนตกใหม่ๆ เขาจะแถกเหงือกเดินไปทั่ว บ่อไหนก็หนีรอดออกมาได้ แค่คันดินขวางกลางน้ำนี่หรือจะเหลือ เช่นเดียวกับปลาดุกอุยกับปลาดุกด้าน มีอุปนิสัยคล้ายๆกัน เจ้าปลาสามชนิดนี่จึงเป็นเหยือของ”บ่อโจน”
หลังทำเสร็จ ผมล้างหน้าตาและมือเท้าจนเอี่ย
ม แล้วก็นั่งพิงเสาสะพาน เสริมยังเปื้อนเปรอะขี้โคลน เรานั่งคุยกันสรรพเพเหระ รอเหยื่อตัวแรกที่อาจหลงกล
“นั่งรอเดี๋ยว เผื่อได้กับข้าวมื้อเย็น” เสริมวาดหวัง
“ก็ได้ บ้านกูแค่นี้ เดี๋ยวค่อยไป เผื่อ....ผมอ้าปากค้างเพราะเห็นปลาช่อนตัวเท่าแขนกำลังโผล่หัวริมคันดิน เสริมเหลียวไปดูตามสีหน้าผม แล้วนั่งตัวเกร็ง ลุ้นระทึกอยู่ในใจ
“มันคงมาดูลาดเลา แม่งรู้ทันผลุบไปแล้ว อด” เสริมว่าพลางก็ส่ายหน้า หมดอารมณ์ไปเลย
“เดี๋ยวมันก็อาจจะมาอีก หรือมันได้ยินมึงว่าจะกินมันมื้อเย็น มันเลยหนีไป” ผมแกล้งแซวเสริมๆหน้าเครียด ตะโกนดังลั่น
“บ้าเหรอะไอ้ดำ ปลามันฟังภาษาคนรู้เรื่องที่ไหน” ผมหัวเราะแล้วกล่าว
“ล้อเล่น ล้อเล่น แฮะ แฮะ ”
เสริมกับผมนั่งเฝ้ากันอยู่อีกไม่นาน ไอ้ทุยวิ่งโครมครามมาบนสะพานชะโงกหน้าแล้วก็ตะโกนเรียกผม
“แม่ให้มาตาม ไปเลี้ยงหมู”แล้วมันก็วิ่งตึกๆๆกลับไป ผมหยิบกระเป๋านักเรียน พยักหน้าแล้วก็ร่ำลาเสริมอีกครั้ง
“ไปก่อน เดี๋ยวหมูมันร้อง อู๊ดๆๆๆๆ มันหิวข้าวไวจริงๆ” กำลังจะเดินจากไปผมเหลียวไปพูดอีก
“อะไร อะไร ก็กู เช้าล้างขี้หมูก็กู เลี้ยงหมูทั้งเช้าทั้งเย็นก็กู แม่ใช้แต่กูกูกู” เสียงเสริมหัวเราะก๊ากๆๆ
“ยายเขารักมึงมากนะเนี่ย 5555” เสริมเรียกแม่ผมว่ายายเพราะว่าแม่มันเรียกแม่ผมว่าน้า ส่วนผมเรียกแม่มันว่าพี่
เช้าตรู่ ผมลุกมาตั้งโต๊ะให้แม่ตักบาตร แม่ตักข้าวใส่ขันแล้วส่งให้ผม ผมเดินไปตั้งขันข้าวแล้วก็เดินมายกถ้วยแกง วันนี้แม่แกงคั่วหน่อไม้เปรี้ยวใส่ปลาช่อนหอมจนน้ำลายไหล
“เมื่อคืนนี้ เสริมมันเอาปลาช่อนมาให้ตัวหนึ่ง แม่ก็เลยแกงถวายพระ เดี๋ยวพระบิณฑบาตรแล้วก็ไปกินแกงหน่อไม้เปรี้ยวซะนะ จะได้ไปโรงเรียนทันเพื่อน”
ที่โรงเรียน เสริมเล่าว่า มีปลาช่อนโจนลงบ่อสองตัวเขื่อง ปลาหมอห้าตัว ปลาดุกอุยตัวเดียว ปลาดุกอุยตัวเดียวแม่ย่างกาบมะพร้าวไว้ที่บ้าน เย็นๆจะเอามาให้ยายกินกับดอกสะเดาลวกจิ้มน้ำปลาหวาน
“แม่กูบอกว่ายายชอบ”