ดอกไม้เทศและดอกไม้ไทย
ต้น57 กระเจี๊ยบแดง
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
ชื่อสามัญ กระเจี๊ยบ กระเจี๊ยบเปรี้ยว ผักเก็งเค็ง ส้มเก็งเค็ง ส้มตะเลงเครง ส้มปู Jamaican Sorrel, Red Sorrel, Rozell,Roselle
ชื่อวิทยาศาสตร์ Hibiscus sabdariffa L.
ชื่อวงศ์ MALVACEAE
ถิ่นกำเนิดและการกระจายพันธุ์
ในต่างประเทศ พบที่ซูดาน ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
ในประเทศไทย กระจายพันธุ์ได้ดีทั่วประเทศไทย
สถานภาพ เป็นพืชในถิ่นกำเนิด
ลักษณะประจำพันธุ์
ต้น ลำต้นสูง 1-
ใบ เป็นใบเดี่ยวออกตรงกันข้าม รูปใบสามแฉกแบบเว้าลึก ขอบใบหยักแบบฟันเลื่อย เส้นกลางใบสีม่วงอมแดงแฉกละเส้น เส้นใบย่อยไม่จดขอบใบแต่โค้งจรดเส้นถัดไป ก้านใบยาว
ดอก รูประฆัง ก้านดอกสั้น 0.7-
ผล จะถูกกลีบรองดอกและกลีบเลี้ยงห่อหุ้มไว้ เนื้อหนากรอบหักง่าย สีม่วงแดงเข้ม มองดูเหมือนรูปกระสวย เมล็ดสีดำรูปไต จำนวนมาก ขนาดใหญ่
พื้นที่ที่เหมาะสมและการขยายพันธุ์ ดินอุดมสมบูรณ์ปานกลาง มีความเป็นกรดด่างปานกลาง ระบายน้ำดี แดดเต็มวัน อากาศร้อนชื้น จากที่ราบถึง 300เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง
บันทึกผู้เขียนและผู้ถ่าย
1.1 ปลูกเป็นไม้ประดับ ปลูกลงแปลงในจุดที่ต้องใช้ความสูงเหมือนฉาก ดอกดวงโตสีชมพูสวยหวานเจี๊ยบ แม้ว่าดอกจะไม่ถี่เหมือนดอกฮอลลี่ฮอคก็ตาม แต่ก็สวยอย่างมีคุณค่ามาก
1.2 ปลูกเป็นพืชอาหาร
ใบและยอดอ่อน ลวกหรือสดแกล้มน้ำพริก กลีบเลี้ยงและวงกลีบเลี้ยง ตากแห้งแล้ว
ต้มรสเปรี้ยวจึงต้องปรุงรสด้วยน้ำตาล เกลือ เป็นเครื่องดื่มแทนน้ำ พัฒนาเป็นผงละเอียด บรรจุถุงชงเหมือนใบชาดื่มทั่วไป คุณค่าสารอาหาร ได้แก่ ไวตามิน เอ,บี1, บี2, ซี, แคลเซี่ยม ฟอสฟอรัส เหล็ก สารเคมีสำคัญได้แก่ anthocyanin, hibicin, malvin gossypetin, citric acid, tartaric acid และ malic acid
1.3 ปลูกเป็นพืชสมุนไพร
วงกลีบเลี้ยงและกลีบเลี้ยง ลดความดันโลหิต แก้ร้อนใน ป้องกันการจับตัวของไขมันในหลอดเลือด ทำให้สดชื่น แก้นิ่วในไตและกระเพาะปัสสาวะ ขับปัสสาวะ เป็นยาระบายอ่อนๆ ขับน้ำดี ช่วยย่อยอาหาร ลดไข้ แก้ไอ แก้กระหายน้ำ ช่วยให้ชุ่มคอ บรรเทาอาการปวดแสบปวดร้อนเวลาปัสสาวะ บำรุงกระดูกและฟัน ลดกรดยูริคในกระเพาะปัสสาวะ ข้อห้าม คนเป็นโรคเกาต์ควรเว้นวรรค
เมล็ด บำรุงเลือด บำรุงธาตุ ลดไขมันในเส้นเลือด ขับปัสสาวะ เป็นยาระบาย
ใบอ่อนและยอดอ่อน ขับน้ำดี ขับปัสสาวะ หล่อลื่นลำไส้ ขับเมือกในลำไส้ลงสู้ทวารหนัก บำรุงเลือด บำรุงธาตุ ลดไข้ แก้ไอ ละลายเสมหะ ช่วยย่อยอาหาร ตำพอกฝี ต้มเอาน้ำล้างแผล
ผลการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยา การศึกษาในสัตว์ทดลองหรือหลอดทดลอง พบว่า สารสกัดหรือสารสำคัญของกระเจี๊ยบแดงมีฤทธิ์หลายประการ ดังนี้
1. ฤทธิ์ลดความดันโลหิต ชาชงหรือสารสกัดด้วยน้ำของกระเจี๊ยบแดงแสดงฤทธิ์ลดความดันโลหิตในหนูขาวได้ กลไกการออกฤทธิ์ส่วนหนึ่งอาจเนื่องจากฤทธิ์ยับยั้งเอนไซม์ angiotensin converting enzyme
2. ฤทธิ์ลดไขมันในเลือด เมื่อให้กระต่ายที่กินไขมันสูง กินสารสกัดกระเจี๊ยบ 0.5 % หรือ 1 % นาน 10 สัปดาห์ พบว่าทำให้ระดับไตรกลีเซอร์ไรด์ โคเลสเตอรอล และแอลดีแอล-โคเลสเตอรอลลดลงและความรุนแรงของการอุดตันของหลอดเลือดแดงใหญ่จากหัวใจน้อยกว่ากลุ่มควบคุมอย่างมีนัยสำคัญ
3. ฤทธิ์ต้านการเกิดพิษต่อตับ มีงานวิจัยในสัตว์ทดลอง พบว่าสารสกัดด้วยน้ำหรือสารสำคัญกลุ่ม anthocyanins และสาร protocatechuic acid ของกระเจี๊ยบสามารถลดความเป็นพิษต่อตับของสารพิษได้หลายชนิด
4. ฤทธิ์ต้านการเกิดแผลในกระเพาะอาหาร สารสกัดด้วยน้ำ และส่วนสกัด mucilage มีฤทธิ์ป้องกันการเกิดแผลในกระเพาะอาหารของหนูขาว เมื่อถูกกระตุ้นให้เกิดแผลด้วยยาอินโดเมธาซิน, กรด/เอธานอล หรือความเครียด โดยการรักษาปริมาณเมือกที่เคลือบผนังกระเพาะอาหารไว้
1.4 การเป็นพืชให้สี ดอกทำสีผสมอาหาร และย้อมกระดาษสา