กว่าจะได้รูปนก...สักตัว
โดย ธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
16.30 น. ผมกินยาประจำตัวชนิดก่อนอาหารเย็น แล้วเริ่มแกว่งแขน 100-200 ครั้ง ขึ้นอยู่กับความขี้เกียจหรือขยันในวันนั้น แกว่งไปทุก 10 ครั้งก็ย่อเข่าลง 1 ครั้ง สลับกันไปในคราวเดียวกัน แต่ใช้เวลาเพียง 5-7 นาทีแค่นั้น ผมตัดสินใจเดินลงจากบ้านพักแล้วก็เดินไปหยิบบัวรดน้ำเติมน้ำให้เต็ม เดินรดน้ำต้นไม้ในกระถางที่ปลูกดอกไม้คุณนายตื่นสาย พริกขี้หนู และมะเขือเจ้าพระยา วางบัวรดน้ำแล้วนั่งยองๆถอนวัชพืชที่ขึ้นรกเรื้อทิ้ง
ได้เวลาผ่านไปครบ 30 นาที(17.00 น.) ยาเคลือบกระเพาะก่อนอาหารได้เวลาออกฤทธิ์ ผมตักข้าวแค่ทัพพีเดียว ราดกับข้าวลงไปตามความอยากและเท่าที่มีอยู่ กินจนหมดก็กินยาหลังอาหารทันที ครบถ้วนกระบวนการตามหมอสั่ง แล้วก็นั่งพักท้องให้คลายตัว ระเบียงหน้าบ้านลมพัดตึง เย็นสบายด้วยอากาศธรรมชาติ ผลัดเปลี่ยนกางเกงเป็นขาสั้นสวมทับด้วยเสื้อเชิร์ตเก่าๆ พร้อมแล้ว การออกกำลังกายด้วยการถีบสามล้อ ระยะทาง 5-6 กม.ยามเย็น
ตะกร้าหน้ารถสามล้อเสียบขากล้อง 1 ชุด น้ำดื่มขวดเล็ก 1 ขวด ก้อนหิน 2 ก้อนเพื่อขว้างใส่หมาจรจัดที่กระจายไปทั่วทุกซอกซอยทั้งนอกและในม.เกษตร กำแพงแสน หลายครั้งมันพยายามจะไล่กวดผม คอห้อยกล้องถ่ายรูปขนาดเล็ก น้ำหนักเบา แต่กำลังดึงภาพระยะไกลเฉียบ พร้อมสรรพแล้วก็เริ่มถีบสามล้อแดงไปตามถนนออกจากบ้านไปสู่ป่าคอนกรีตแท่งสูงๆ
จากบ้านผมถึงถนนมาลัยแมนระยะทาง 500 เมตร ผมถีบเลาะไปด้วยความระมัดระวังสิบล้อและรถยนต์ที่เร่งกันไปให้พ้น สามแยกไฟแดงหน้าม.ช่วยให้การข้ามปลอดภัย คนแก่หูตาฝ้าฟางอาจเผลอได้ วัย 68 ปีจึงต้องระมัดระวังมากกว่าปกติ ข้ามฟากไปยังฝั่งประตูมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กำแพงแสน ก็ถือว่าปลอดภัยไป 50%แล้ว
ตะวันบ่ายลงลับทิวไม้ไปไม่น้อย เวลาที่ผ่านไปเกินกว่า 17.15 น. ผมถีบสามล้อไปด้วยหัวใจกล้าแกร่ง แรงขาและกำลังใจเปี่ยมไปด้วยความพร้อมสำหรับการเผชิญภัย บางวันพบว่าแม่บ้านใครไม่รู้ขับรถปีกอัพมาจอดในดงต้นนนทรีริมถนนเส้นกลางเข้าสะดือมหาวิทยาลัย เธอหิ้วถุง 7-8 ถุง แล้วก็วางแต่ละถุงลง หมาจรจัดรี่เข้าไปกระดิกหางด้วยความเคารพ แล้วก็กินกันอย่างอร่อย ภาพที่เห็น ผมประทับใจที่เธอช่างใจบุญต่อสัตว์ผู้ยาก
แต่อีกใจหนึ่ง ผมนึกตำหนิที่เธอรักแต่หมาจรจัด ทำไมไม่เอาไปเลี้ยงในบ้านของเธอ เพราะหมาจรจัดเหล่านี้ ใครจะจับไปฉีดวัคซีนป้องกันโรคกลัวน้ำ และนี่คือเหตุผลที่ผมต้องใส่ก้อนหินไว้ในตะกร้าหน้ารถถีบ 2 ก้อนทุกวัน บางวันพวกหมาจรจัดมันเกิดอารมณ์ไม่ปกติไล่กวดผม คนแก่ๆอย่างผมมีหรือจะหนี ชิชะ จอดรถถีบแล้วคว้าก้อนหินเงื้อ ก็วิ่งหนีกระเจิง
ผมถีบสามล้อแดงวนไปรอบสะดือมหาวิทยาลัยทุกครั้ง ผ่านอนุสาวรีย์ของท่านอดีตอธิการบดี มล.ชูชาติ กำภู ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล ผู้วางแผนสร้างให้ ม.เกษตร จะเป็นมหาวิทยาลัยที่ใหญ่ที่สุดในเอเชีย ด้วยพื้นที่ 8000 ไร่ ผมก้มศีรษะนิดหนึ่งเพื่อแสดงความเคารพท่านและขออโหสิกรรมให้กับคู่กรณี เกษตรรุ่น 27 ผู้ไร้เดียงสา เมื่อปี พ.ศ.2510
ถึงจุดนี้ ระยะทางจากบ้านผมราว 2.8 กม. รถสามล้อแล่นไปตามที่ผมบังคับ วนย้อนขึ้นมาถึงทางแยกไปหอพักนิสิต มีทางลัดที่ตัดแบบทางคู่ ลำรางน้ำแทรกอยู่กลาง แต่ละซีกถนนปลูกต้นหลิวใบพลิ้วไสวไปกับสายลมโชย มองเผินๆเหมือนว่าถีบสามล้อผ่านอุโมงค์ต้นไม้ เป็นภาพที่งดงาม โดยเฉพาะยามที่หลิวออกดอกสีแดงห้วยระโยงรยางค์ไปทั้งสองฝั่ง
ทันใด ผมเหลือบไปเห็นนกสีขาวสลับดำตัวเล็กๆ โผจับต้นหลิว ผมจอดสามล้อแล้วตั้งขากล้อง พร้อมถ่ายรูป แต่ไม่ทัน เขาก็โผผินบินไปต้นอื่นซะอีก ผมเหลียวคอตามดูตามต้นหลิว เอี้ยวไปเอี้ยวมาเพื่อมองหา นึกในใจ แม้ไม่เห็นสักทีแต่ก็ได้บริหารก้านคอละนะ พอเห็นเขาไปเกาะต้นไหน ผมก็พยายามจะถ่ายรูปให้ได้ พลาดแล้วพลาดอีก
ผมเห็นพฤติกรรมของเจ้านกหัวขวานด่างแคระตัวนี้แล้วว่า เขาจะบินไปเกาะต้นนั้นต้นนี้แล้วก็วนไปวนมา เพื่อหาหนอนในเปลือกต้นหลิว ผมจอดแบบทิ้งรถสามล้อให้โดดเดี่ยว แต่ผมโยกย้ายขาตั้งกล้องตามนกไปเรื่อยๆ ถ่ายได้ภาพหนึ่งบ้าง 2-3 ภาพบ้าง วืดจนได้แต่ต้นหลิวบ้าง ล่อๆชนๆกันอยู่พักใหญ่
ตะวันโรยตัวลงต่ำ แสงแดดที่สาดใส่ต้นหลิวหดหายไป ความทึมของแสงไม่ช่วยให้เกิดวิสัยที่จะถ่ายรูปนกได้อีกต่อไป ผมเหลียวไปเหลียวมาจนมั่นใจว่า หมดเวลาแล้วเจ้านกหัวขวานด่างแคระ ลาก่อนต้นหลิวแสนงาม ลาก่อนแสงสุรีย์ที่หดหาย ลาก่อนเจ้านกหัวขวานด่างแคระ ผมพับขาตั้งกล้องเสียบเข้าที่ในตะกร้าหน้ารถ ถอดกล้องออกจากขามาสวมคอเหมือนท่าเดิม
ผมถีบไปตลาดนัดเล็กๆในดงไม้ยูคาลิปตัส แล้วก็ถีบต่อไปตามถนนทางออกจากมหาวิทยาลัย มุ่งหน้าข้ามถนนและเลาะเลียบไปตามริมถนนเข้าซอยต้นไทรใหญ่ แล้วถีบตรงไปจนถึงหักศอกซ้าย แล่นเลยไปอีกเพียง 100 เมตรก็เลี้ยวเข้าถนนคอนกรีตไปจนถึง
“บ้านทิวร์ไผ่โฮม” บ้านเดี่ยวให้เช่ารายเดือน-รายวัน (โทร.086-7108171)
แสงยามค่ำสาดกระจายไปทั่วท้องฟ้า สายลมโชยแรงขึ้น อากาศยามเย็นสบายๆ แต่มีความเป็นส่วนตัวสูง ชอบเงียบๆต้องที่นี่เลย ผมเสียบรถสามล้อเข้าที่จอดแล้วก็เดินขึ้นบ้านพักสำนักงาน พลางก็นึกในใจ
“ข้ารู้แหล่งหากินของเจ้าแล้ว ฝากไว้ก่อนเจ้านกหัวขวานด่างแคระ พรุ่งนี้จะตามเจ้าไปถ่ายซ้ำอีก จนกว่าจะได้ภาพคมสมใจ” กลับถึงบ้านประมาณระยะทาง 5-6 กม.ก็เหนื่อยแล้ว