ย่ำทรายในสายหมอก 3.
ไปโบสถ์ที่ St. Marys.
เอื้อยนาง
ใยเข็มที่รัก
ช่วงนี้เจ้ากับชาวอุบลฯทั้งหลาย คงได้เพลิดเพลินเจริญใจกับการเที่ยวชมบุญบั้งไฟกันแล้วซินะ ส่วนข้อยอยู่ทางนี้ ได้แต่นั่งจับเจ่าเพราะหนาวจับจิตทั้ง ๆ เซนต์เฮเลนส์ตั้งอยู่ในแถบที่ถือว่าอากาศอบอุ่นที่สุดของทัสมาเนียแล้วนะ เรียกกันว่าแถบ
กระนั้นบางวันข้อยยังแทบไม่อยากก้าวขาออกจากบ้านเลยหละ เมื่อลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าแล้วพบว่า กระจกหน้าต่างพร่ามัวด้วยละอองไอน้ำ ผืนหญ้าที่สนาม ขาวโพลนไปด้วยน้ำค้างแข็งปกคลุม นกกาหลบหายไม่ส่งเสียงใด ๆ ผู้คนทั้งเมืองกเหมือนจะหลับใหลจงใจให้โลกร้างก็ปานกัน
แต่ … ทัสมาเนีย นั้นเป็นดินแดนแสนพิศวงนะใยเข็ม ในบางวันบางขณะที่ฟ้าครึ้มฝนพรำให้ทุกชีวิตหลบเป็นนกแจนแวนอยู่นั้น พลันตะวันก็จะส่งแสงเจิดจ้าขึ้นมาปลุกให้ตื่น แต่ก็อย่าเผลอดีใจมากมายไปล่ะ เพราะตะวัน อาจเพียงกะพริบตาเท่านั้น เผลอแป็บเดียวก็อาจหลบหายเข้าไปในม่านหมอกอีกได้
หากแต่ว่า… เพราะวันนี้เป็นวันสำคัญของเราชาวพุทธ และเป็นวันอาทิตย์ด้วยจึงอยากฝ่าความหนาวออกไปวัดไปวา ตามประสาคนห่างวัดมานาน จนใจที่ในเซนต์เฮเลนส์ไม่มีวัดพุทธศาสนา อย่าว่าแต่เซนต์เฮเลนส์เมืองเล็ก ๆ ในป่าใหญ่นี้เลย ทั้งรัฐทัสมาเนียมีวัดพุทธศาสนาอยู่แค่ 2 แห่งเท่านั้น คือ ที่เมืองโฮบาร์ตแห่งหนึ่ง และที่เมืองลันเชสตันแห่งหนึ่ง พอดีคุณกอบกุลคนไทยคนหนึ่งที่มีบ้านพักอาศัยในเมือง เซนต์แมรี่ ( St. Marys ) ชวนไปโบสถ์กับเธอที่เมืองนั้นด้วยก็เลยตกลง แม้จะไม่ใช่ชาวคริสต์ แต่ถือว่าการปฏิบัติกิจทางศาสนาคือทำใจให้สงบมีเวลาระลึกถึง ความเป็นจริงแห่งชีวิตมีเวลาได้คิดถึงผู้อื่น ชีวิตอื่นในโลกบ้างนอกจากตัวเราของเราเท่านั้น.
เมืองเซนต์แมรี่ เป็นเมืองเล็กๆ ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาลึกเข้าไปจากชายฝั่งทะเลแถบ
ผ่านป่าทึบออกมาถึงเมืองเล็ก ๆ บนเนินเขาริมทะเลแห่งหนึ่งชื่อ Beaumaris ไม่นานก็ลงสู่ที่ราบลุ่มปากแม่น้ำ Scamander อันเป็นที่ตั้งของเมืองชายทะเลอีกแห่งหนึ่ง เป็นที่ราบลุ่มที่กว้างกว่าบริเวณเซนต์เฮเลนส์แต่ตัวเมืองมากระจุกอยู่ปากแม่น้ำ ซึ่งเป็นหาดทรายขาวสะอาดริมทะเล ฝูงนกนางนวลทะเล หากินตามชายหาดมากมายคลาคล่ำ
ทุกเมืองในแถบ
ประชากรส่วนใหญ่ของทัสมาเนียกระจัดกระจายอยู่ตามฟาร์มแกะและวัวนม ที่ตั้งอยู่ตามเชิงเขา และหุบห้วย เกาะ ทัสมาเนียนั้นมีเนื้อที่ทั้งหมด 26,383 ตารางไมล์แต่มีประชากรประมาณ ห้าแสนคนเท่านั้น และ 1 ใน 4 ของประชากรอาศัยอยู่ในโฮบาร์ต อันเป็นเมืองหลวง และ 1 ใน 8 อาศัยอยู่ใน ลันเชสตัน มีเพียง 8 เมืองเท่านั้น ที่มีประชากรเกินกว่า 5,000 คน ประชากรส่วนใหญ่เป็นลูกหลานเชื้อสายผู้อพยพชาวอังกฤษ คนเอเชียส่วนมากกระจุกตัวอยู่ในโฮบาร์ต
ผ่านตัวเมืองสคาแมนเดอร์ แล้วออกสู่ทุ่งโล่งที่มีฟาร์มใหญ่มองเห็นฝูงแกะ และวัวอยู่ลิบๆ ใต้ฟ้าสีคราม บนเนินหญ้าสีเขียวมีบ้านหลังสวยรูปทรงเหมือนปราสาท สีสันสดใสตัดกับหญ้าสีเขียวมองไกล ๆ เหมือนภาพวาดในนิทานสำหรับเด็ก
เมื่อขึ้นสู่ภูเขาสูง แสงตะวันที่เจิดจ้าอยู่เมื่อครู่ถูกบดบังด้วยเงาไม้และสายหมอกดูมืดครึ้มลงทันที เป็นช่วงเข้าสู่ St. Marys pass
ถนนในทัสมาเนีย ส่วนมากจะขึ้นสูงลงต่ำและคดโค้งเป็นลูกคลื่นคนขับ
ต้องตื่นตัวตลอดเวลา ป้ายและลูกศรตามข้างทาง นอกจากป้ายจราจรตามปกติที่เราเคยชินแล้วยังมีป้ายบอกให้ระวังสัตว์ป่า เช่น จิงโจ้ วอลล่าบี พอสซั่ม และป้ายบอกให้ระวังถนนลื่น เพราะน้ำค้างแข็ง หมอกหนา หิมะตกอยู่เป็นระยะ
St. Marys pass ถือเป็นมรดกหนึ่งจากประวัติศาสตร์ยุคบุกเบิกของทัสมาเนีย เป็นมรดกจากฝีมือของเหล่านักโทษทั้งหลาย ที่เขาขนมาจากอังกฤษ มาสร้างบ้านแปลงเมือง เวลาผ่านไปเขาเหล่านี้ทิ้งสิ่งปลูกสร้างทางฝีมือไว้เป็นมรดกมากมาย ทั้งถนน สะพาน อาคารบ้านเรือน โบสถ์ และแม้แต่กระทั่ง เขื่อน และทะเลสาบ
นั่งรถผ่านเซนต์แมรี่พาสทีไรข้อยนั้นมีอาการเวียนหัวมัวตา เดือดร้อนถึงยาหม่องทุกทีนะใยเข็ม เพราะมันทั้งแคบทั้งงองดคดเคี้ยวลดลาดลงต่ำ แล้วปีนไต่ขึ้นสูงอยู่อย่างนั้นเป็น
ส่วนอีกด้านเป็นหุบเหวลึกงไป มองเห็นยอดไม้ประเภทต้นสน ต้นกัมส่ายไหวๆ อยู่ในสายหมอก เหมือนเป็นภาพของคนอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นชาวพื้นเมืองเดิมของทัสมาเนีย ผู้มาอยู่ก่อนแต่ไม่บุกเบิกถากถาง ได้แต่ท่องเที่ยวไปจับปลาล่าสัตว์กินเป็นอาหาร ไม่สะสมบ่มเพาะ จึงทำให้ไร้เขี้ยวเล็บที่จะต่อสู้กับผู้มาใหม่จึงถูกทำลายจนสูญสิ้นเผ่าพันธุ์ในเวลาไม่นานหลังการบุกเบิก
เมืองเซนต์แมรี่ ตอนนี้ขาวโพลนด้วยน้ำค้างแข็ง บ้านกลุ่มแรกข้างหน้า มีควัน เป็นทางพุ่งจากกลางหลังคาอันเป็นปล่องไฟ หลังที่อยู่ตรงกลางนั้นคือ นิวาสถานบ้านคุณกอบกุล ลงจากรถวิ่งฝ่าความเย็นไปเคาะประตู ปรากฏว่ามีแต่สมาชิกส่วนใหญ่ในบ้านของเธออันได้แก่ แมว 3 ตัวขดขี้เกียจอยู่หน้าเตาผิงในบ้าน ส่วนข้างนอกมีเป็ดห่าน ไก่ วิ่งพล่านในสวน ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวไปหมด ตัวเธอและหมาอ้วนสองตัวไปคอยที่โบสถ์แล้ว
เซนต์แมรีเป็นเมืองเล็ก ๆ จึงมีผู้คนมาโบสถ์ไม่มากนัก และทุกคนก็มีอัธยาศัยดีมากนะใยเข็ม ทำให้คนแปลกหน้าอย่างข้อยไม่รู้สึกเขิน และเข้าร่วมพิธีจนเสร็จจึงไปดื่มน้ำชาที่บ้านของคุณกอบกุล ดูเหมือนจะเป็นธรรมเนียมของคนที่นี่ ที่มักจะพาแขกเดินชมสวน อวดต้นไม้ดอกไม้ให้กันและกันได้ชื่นชม คนแก่คนเฒ่าส่วนมากอยู่คนเดียวโดดเดี่ยว อายุ70 – 80 ปีแล้วยังทำสวนได้งามน่าชื่นชม ตัวสวนดอกไม้จึงเป็นเหมือนสิ่งที่บ่งบอกถึงชีวิต และสุขภาพของผู้เป็นเจ้าของ ทำให้คนที่สวนไม่สวยรู้สึกน้อยหน้า คล้ายกับว่าตัวเองสิ้นลาย กลายเป็นคนไร้สมรรถภาพไปแล้ว ต้องกระวีกระวาดทำสวนแข่งคนอื่นเขาเป็นการไว้ลายไว้ฝีมือ สวนน้อยของ กอบกุล ต้องมี Hot House เป็นเรือนกระจกเพาะต้นไม้ดอกไม้บางชนิดไว้ในกระถาง รวมทั้งผักต่าง ๆ ด้วย พร้อมจะเอาออกมาอวดโฉมเมื่อฤดูใบไม้ผลิตมาเยือน
สมาชิกบ้านกอบกุลมีมากมาย แต่เธอเป็นคนคนเดียวในบ้าน นอกนั้นเป็นหมูเห็ดเป็ด ห่าน นก แมวและหมา ส่งเสียงเจี้ยวจ้าวจิ๊บจ๊าบให้วุ่นวายไป กว่าเธอจะจัดการให้สงบลงได้ก็เป็นเวลาอาหารกลางวันพอดี
ขากลับเป็นเวลาบ่ายมีฝนโปรยปรายลงผิวผล็อย ขณะตะวันส่องแสงเฉียง ๆ โค้งสายรุ้งสีสวยจึงปรากฏพาดภูเขา บนเนินขอบทุ่งมองเห็นลิบ ๆ สวยเหมือนภาพวาด
อดหยิบปากกาออกมาเขียนกลอนไม่ได้ เลยฝากมาให้อ่านนี่ไงจ๊ะใยเข็ม
ทัสมาเนีย…….
แดนฟ้าเคลียภูเขาเนาแนบฟ้า
แดนแห่งป่าชื้นฝนปนลมหนาว
แดนตะวันฉายไล้ดอกไม้พราว
แดนทรายขาวเว้าวุ้งโค้งคุ้งแคว
แดนโขดเขินเนินสลับสล้างไศล
ในพงไพรไม้กัมทรีมีถั่นแถว
ฝูงสัตว์ป่านกกาบินตามถิ่นแนว
ฟ้าพราวแพรวโค้งรุ้งโอบทุ่งทอง
ทิวท้องทุ่งเขียวสดจรดเรียวรุ้ง
ครอบเวิ้งวุ้งคุ้งวนานต์ผ่านห้วยหนอง
ดวงตะวันอ้อมข้าวเคล้าละออง
ทะเลทองน้ำครามนามทัสมาเนีย
ฉบับนี้จบด้วยบทกลอนนี้นะจ๊ะ ฝากความคิดถึงมายังเด็ก ๆ ด้วย
รักเจ้าหลาย
จากข้อยเอง “เอื้อยนาง”