คึดฮอดเมืองลาว ๙
ก ไก่ ก กา ภาษาลาว-ไทย
“เอื้อยนาง”
นับถอยหลังไปกว่าสองร้อยปีมาแล้ว เมื่อการศึกษายังอยู่เพียงในวัง ในวัด สำนักต่างๆ ในอีสาน(ปัจจุบัน)มักจะส่ง พระ เณรในวัดข้ามโขงไปศึกษาเล่าเรียนหนังสือ(อักษรธรรม ตัวไทน้อย) กันที่เวียงจันทน์ แล้วนำมาสั่งสอนเผยแพร่แก่บุตรหลานทางฝั่งขวา
เวลาล่วงเลย เหตุการณ์ผันแปร แม่น้ำโขงกลายเป็นกำแพงขวางกั้นแบ่งแยกคนบนสองงฝั่งออกจากกัน ชาวฝั่งขวาก็มาเป็นไทย หันมาเรียนตัวอักษรไทยแทน ตัวธรรม ตัวไทน้อย ตัวขอม จึงเป็นเพียงตำนานเก่าๆ ที่ผู้เฒ่าเล่าให้ลูกหลานฟังเท่านั้น ปัจจุบันมีเหลืออยู่เพียงในใบลานผุๆ หาคนอ่านออกแทบไม่มี
ไม่นานมานี้ เมื่อมีสะพานข้ามโขงทอดเชื่อมโยงให้คนบนสองฝั่งเทียวไปเทียวมาหากันอีกครั้ง ผู้เขียนก็มีโอกาสไปเยือนเวียงจันทน์ ได้ซื้อแผ่นโปสเตอร์อักษรลาวติดมือมาด้วย ญาติพี่น้องเพื่อนฝูงและลูกหลานฝั่งขวา อ่านกันแล้วต่างหาว่าคำกำกับอักษรของลาวช่างแปลกแท้
ดังเช่น ง งัว, จ จอก, น นก, บ แบ้, ม แมว, ว วี, อ โอ, เป็นต้น แต่ทุกคนก็เห็นตรงกันว่า อักษรเหล่านั้นแม้แตกต่างไปจากอักษรไทยเราบ้าง แต่หลายคำเห็นปุ๊บก็อ่านกันได้ และเข้าใจความหมายทันที อีกอย่างตัว ก ข ค...ก็ออกเสียงเป็นกอ ขอ คอ...เช่นกันกับเรา ต่างกันที่วิธีเขียนและจำนวนตัวอักษรเท่านั้น เพราะตัวอักษรที่ออกเสียงซ้ำกันเช่น ส ศ ษ, ท ธ, น ณ, พ ภ ลาวจะใช้เพียงตัวเดียว คือ ส ท น พ
เรื่องนี้มหาสีลา วีระวงศ์ นักปราชญ์ลาวผู้เกิดบนฝั่งไทย(จังหวัดร้อยเอ็ด) อธิบายว่า เมื่อก่อนลาวเคยใช้ตัวอักษรตามตัวสันสกฤตเกือบครบหมดทุกตัว โดยยกคำจารึกสมัยพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชลงมาจนถึงสมัยเจ้าอนุวงศ์แห่งนครเวียงจันทน์มาอ้าง แต่มีคำกำกับตัวอักษรที่แตกต่างออกไป เช่น ญ ญาติ ภ ภริยา ธ หมากตาล ณ หน้าคว่ำ เป็นต้น
ภาษาและวัฒนธรรมต่างๆ ย่อมเปลี่ยนแปร พัฒนาการไปตามยุดสมัย และกระแสสังคม หลายคำ(ของลาว)ต้องเห็นรูปจึงนึกออกว่า เป็นคำเก่าที่เคยใช้แต่สมัยเด็กๆ เช่น แบ้(แพะ) วี(พัด) จอก(แก้ว)
อย่างคำว่า โอ ที่แปลว่าขัน(ตักน้ำ)นั้นผู้เขียนช่างหลงลืมไปได้ว่า เมื่อสมัยเพิ่งแตกเนื้อสาวเป็นสาวรุ่นๆ เคยมีหนุ่มปากคอเราะร้ายเห็นเราแต่งตัวโก้(ทันสมัย) แล้วอิจฉาตาร้อนเอ่ยบทกลอนสอยประชดประชันว่า
“สอยๆ ๆ สาวบ้านเพิ่นต่างสาวบ้านโต สาวบ้านโตเอารีดผ้า” (เขาหาว่าเรารีดผ้าไม่เรียบเพราะไม่มีเตารีดน่ะ...ฮ่วย)
จริงๆ แล้วคำกำกับอักษรเป็นอุบายที่ผู้ใหญ่ ครู อาจารย์คิดขึ้นใช้เพื่อสอนให้เด็กจดจำกันได้ง่ายๆ อักษรไทยเราก็เคยมีมาหลายสำนวนก่อนจะเป็น ก ไก่, ข ไข่, ง งู, จ จาน...ติดปากดังทุกวันนี้ ดังอเนก นาวิกมูล ได้รวบรวมไว้ในหนังสือแกะรอย ก ไก่ เรายังเคยใช้ ข เขียด, ง เงือก, จ จระเข้, ช ชะนี...มาก่อน
นอกจากคำกำกับอักษรให้จำกันได้ง่ายๆ แล้ว ยังมีผู้ผูกร้อยบทกลอน คำคล้องจองที่ไพเราะจำขึ้นใจเด็กๆ ให้อ่านให้ท่องกันอีกมากมายหลายสำนวน อย่างสำนวน “ ก เอ๋ย ก ไก่, ข ไข่ในเล้า, ฃ ขวดของเรา...” เด็กๆ ท่องกันได้ขึ้นใจตั้งแต่ไม่เข้าโรงเรียนด้วยซ้ำ ของลาวเขาก็มีบทกลอนเช่นกัน วันนี้ยกมาให้อ่านกันเล่นหนึ่งสำนวนให้เห็นว่า ก ไก่ ก กา เป็นภาษาไทย-ลาวใกล้ชิดกันมานานนะขะหน่อย...
ก กาดำปี้เฮียกชื่อตนเอง ข ขวานสับฟาดฟันมวลไม้
ค แคนเข้าหมอลำแสม่วน ง ง้าวงามงาดเงื้อเข่นฆ่าหมู่ศัตรู
จ เจียบินเจิดเจ้อเจ้ยซอกแซ่วหาอาหาร ช ชายแท้ใจหาญสัตย์ซื่อ
ย ยิงจริงแจบแจ้งกิริยาย้อยเงื่องาม ด เดือนดูแจ่มแจ้งเมื่อวันเพ็ง
ต ตาดีดั่งมณีดวงล้ำ ถ ไถนี้ไถนาปลูกหว่าน
ท ทุงลาวล้านช้างควรเอื้ออ่มสงวน น นาบ่อนปลูกข้าวเลี้ยงหมู่มวลมนุษย์
บ บาตรมีพระนำพระเที่ยวบิณยามเช้า ป ปลาเลี้ยงเป็นอาหารได้ง่ายง่าย
ผ ไผ่บ้านมีไว้ประโยชน์หลาย ฝ ฝนตกผ่างพื้นผลปลูกเงยงาม
ฟ ไฟนี้มีคุณทั้งโทษ พ พูผากำหนดแนวนทีน้ำ
ม แมวหมอบจอบลี้คอยท่าครุบหนู ย ยางรถแม่นล้อพาเล่นแวนไว
ร รถยนต์ขี่ดีไปฟ้าว ล ลาวกล้ายักษาแดนประเทศ
ว วัดมีประโยชน์ไว้คนไหว้สู่วัน ส เสียมสับก่นดินเสียหญ้า
ห ไหน้ำไหปลาแดกมีคุณ อ แอกสุบคอควายคราดไถนาข้าว
ฮ เฮือไม้เฮือเหล็กลอยล่องข้ามแม่น้ำไปได้ดั่งใจ
……………………………….