ลุ่มแม่น้ำน้อย สามัคคี เมื่อ พุทธ-มุสลิม-คริสต์ ร่วมเสวนา โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                           ลุ่มแม่น้ำน้อย สามัคคี เมื่อ พุทธ-มุสลิม-คริสต์ ร่วมเสวนา       

                                                                                                    โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

           เมื่อมัสยิดยะมาอะตุ้ลมุสลิม อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา จัดงานผักไห่สัมพันธ์ครั้งที่ 10 เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคม 2553 เพื่อหาทุนสมทบกองทุนส่งเสริมการศึกษาของเยาวชนนั้น
         คนไทยเชื้อสายมุสลิมผักไห่ได้เรียนเชิญเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้เคียง อันได้แก่เพื่อนบ้านชาวพุทธ และเพื่อนบ้านชาวคริสต์ ร่วมกินเลี้ยงสังสรรค์กันด้วยไมตรีที่งดงามยิ่ง 

                            
                                                                             เพื่อการศึกษา         

          ชาวไทยเชื้อสายมุสลิมออกร้านอาหารมุสลิมมากมายหลายอย่าง และหลากสีสันแพรพรรณที่แต่งกายกันมาอย่างสวยงาม  เด็กๆดูร่าเริงและมีความสุข บ้างก็อ่านหนังสือมาเร่มาขาย บ้างก็กินดื่มด้วยว่าเป็นวันพิเศษ พ่อแม่ให้เงินมาด้วย  ทุกคนที่เข้างานมาล้วนอารมณ์ดี
          ความสัมพันธ์บ่งบอก ความรักความสามัคคีของชาวไทยเห็นได้ชัดๆ 


                                                      เยาวชนน่ารัก..จำต้องทะนุถนอม..ชอบศึกษาด้วย

          ที่ผักไห่ชาวไทยพุทธอยู่กันมาตั้งแต่เมื่อไรไม่ปรากฎหลักฐาน ส่วนใหญ่ปลูกบ้านเรือนอยู่กันริมสองฟากฝั่งแม่น้ำน้อย และคลองสายสำคัญอีกหลายสาย เส้นทางสัญจรเพื่อติดต่อกัน  ค้าขาย  และขนส่งพืชผลทางการเกษตร ใช้ทางน้ำกันมายาวนาน แต่วันนี้ วิถีชีวิตได้แปรเปลี่ยนไป เมื่อรถยนต์เข้ามามีบทบาทมากขึ้น อันคำว่าชาวไทยพุทธนี้หมายความรวมถึงชาวจีน จีนลูกผสม ชาวไทย มอญ ซึ่งมีพุทธศาสนาเป็นสรณะ 


                         ท่านประดิษฐ์  รัตนโกมล                                                     ท่านนิกร  ไพรปรีชา                          

           ส่วนชาวไทยเชื้อสายญวนผู้นับถือพระคริสต์นั้นเล่า ว่ากันว่าได้อพยพกันมานานแสนนาน  แต่จะเคลื่อนย้ายมายังแผ่นดินไทยเมื่อไรไม่ปรากฎหลักฐาน  พี่น้องชาวไทยเชื้อสายญวนบ้านหน้าโคก นั้นมีหลักฐานว่า ราวๆพ.ศ.2462 พระคริสต์ตังจากเจ้าเจ็ดได้เข้ามาเยี่ยมเยียนพี่น้องชาวญวนอพยพ แล้วพอปีพ.ศ.2463 ได้เข้ามาสร้างวัด(โบสก์) ซึ่งชาวบ้านได้บริจาคที่ดินให้ 15 ไร่ พร้อมกันนั้นทางวัดก็ได้สร้างโรงเรียนเป็นอาคารไม้ขึ้น 2 หลังพร้อมบ้านพักแม่ชี
           โรงเรียนแสงทองวิทยา นั่นประไร


                   แข่งขันการอ่าน "อัลกูรอ่าน"                                                    ญาติผู้ใหญ่ร่วมฟัง
                           
           ข้อสังเกต พระคริสต์ช่างจดบันทึกด้วยวิสัยของฝรั่งมังค่า  แต่ทั้งพุทธและมุสลิมกลับหาประวัติได้ยากยิ่ง ไม่มีการบันทึกเรื่องราว จนแทบว่าจะเหาะเหิรเดินอากาศมากระมัง 
           แต่ก็มีเรื่องเล่าจากปากคำของชาวมุสลิมว่า เดิมทีเดียวอยู่กรุงเทพบ้าง นนทบุรีบ้าง ครั้นเกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ได้อพยพหนีภัยสงครามมาทางน้ำ บ้างก็แจวเรือกันมา บ้างก็ลากแพพักอาสัยมาเลยทีเดียว  เมื่อลงหลักพักหลบภัยอยู่ที่ผักไห่จนสิ้นสงครามแล้วนั้น กลับมีความรู้สึกว่า ในน้ำมีปลาในนามีข้าว อาหารอุดมสมบูรณ์ และเพื่อนบ้านใกล้เคียงก็โอบอ้อมอารีย์ จึงอยู่ต่อ

                         
                                                                 พระคริสต์-พระพุทธ-พระอิสลาม

             การจัดงานผักไห่สัมพันธ์ ครั้งที่ 10 จึงมีพี่น้องชาวไทยในผักไห่และกรุงเทพ-นนทบุรี-ปทุมธานีที่เป็นญาติพี่น้องเดินทางมาร่วมงานอย่างอบอุ่น  อาหารที่พี่น้องชาวมุสลิมนำออกร้านนั้นล้วนชวนกิน เริ่มต้นที่เนื้อลูกวัวย่างหอมชวนกิน  ข้าวหมกไก่รสดั้งเดิมของชาวมุสลิม บาร์บีคิวเนื้อและไก่  สะเต๊ะเนื้อและไก่หอมชวนน้ำลายไหล  ห่อหมกปลาช่อนและปลาสวาย  เนื้อแพะและแกงกะหรี่  เครื่องในวัวตุ๋น ไก่ย่าง  หอยทอดเจ้าเก่า  ที่เตะตาต้องใจมากก็ "ข้าวขาวัว" ส่วนที่เป็นอุ้งตีนวัว(คล้ายๆคากิของหมู) และซุปหางวัว รสชาติซาบซ่า
                          

                        นี่แหละ..คากิ..ขาวัว                                                                สเต๊กเนื้อ..จ้า

             ขนมใส่ไส้  ขนมสาคูใส้ถั่วลิสงหวาน  น้ำชากาใหญ่ๆที่แจกฟรีตลอดงาน  น้ำพั้นซ์ผลไม้     ฯลฯ  อาหารมุสลิมเหล่านี้ พี่น้องชาวไทยพุทธและชาวไทยคริสต์ ชอบกินกันทุกคน เมื่อซื้อหาอาหารถูกปากมาได้แล้วก็นั่งโต๊ะกลมร่วมกินด้วยกัน มิได้ถือแจกถือไทย ระหว่างอาหาร ก็มีท่านอาจารย์ประสิทธิ อิสมาแอ  กล่าวเล่าความน่ารู้น่าฟังให้กับพี่น้องร่วมแผ่นดิน ท่านเล่าว่าอันชาวเราชาวมุสลิมนั้นเป็นชาวสวรรค์ 


                                 แหนมและยอปลา                                                   สาคูไส้ไก่และปากหม้ออิสลาม

             นั่นคือทำความดีเกลียดความชั่ว  พูดไพเราะเสนาะหู  แล้วก็ยังเป็นคนดีของครอบครัวและคนดีของเพื่อนบ้าน เหล่านี้เป็นต้น  แต่ถ้าพูดดำเป็นขาว พูดขาวเป็นดำ  ไม่ทำตามหน้าที่  และทำเกินหน้าที่ ก็ล้วนชวนให้เกิดความโกลาหลและเสื่อม 
             ในงานนี้มีการแข่งขันอ่าน อัลกุรอ่าน โดยเยาวชนน่ารักๆ เสียงใสๆและทำนองเสนาะยิ่ง  


                                 ผู้ร่วมงานมากมาย                                                             หัวใจลายสวย
               
              วันนี้ (ค่ำ) คณะกรรมการจัดงานได้นิมนต์พระพยอมกัลยาโน บาทหลวงสมเกียรติ บุญอนันตบุตร  และโต๊ะอีหม่าม บรรจง  บินฮะซัน  ซึ่งล้วนเป็นพระดังของแต่ละศาสนา มาร่วมกันเสวนาธรรม โดยมีอาจารย์ประสิทธิ์  อิสมาแอ เป็นพิธีกร ญาติโยมทั้งชาวไทยพุทธ คริสต์ อิสลาม เข้ามากันอย่างคับคั่ง นั่งฟังกันด้วยความสนใจ 


                                  วัวหันหรือย่าง                                                              ซุปหางวัวรสเลิศ

              บาทหลวงสมเกียรตฺ กล่าวว่า ศรัทธา ทำให้เรายกชีวิตจิตใจของเราสูงขึ้น  ดีขึ้น  โต๊ะอิหม่าม บรรจง บินฮะซัน  ชีวิตมิได้จบลงตรงความตาย  หากแต่เป็นจุดเริ่มต้นของการก้าวผ่านไปอีกชาติ  พระพยอมกัลยาโน นิยามของคำว่า "ให้" เฉกเช่นพระเวสสันดร ถ้าทุกคนรู้จักให้ก็จะได้กลับคืนมาอย่างท่วมท้น 


                                 พี่น้องแน่นขนัด                                                                  เด็กๆก็สนใจค่ะ

              ทุกศาสนาล้วนสั่งสอนให้คนทำดี มีศิลธรรม และถือความสัตย์ ทุกคนไทยไม่ว่าจะนับถือศาสนาใดก็ล้วนแต่สั่งสอนให้ทุกคนทำดี 
              ถ้าทุกคนเป็นคนดีมีศิลธรรมถือความสัตย์กันทั่วทุกตัวคน โลกนี้ก็น่าอยู่ยิ่งมิใช่หรือ   แต่ถ้าทุกคนคิดเอาแต่ความอยากจะได้ ก็จะเต็มไปด้วยคนที่เห็นแก่ได้ ไม่รู้จักคำว่าให้ พระอาจารย์พยอมขอให้รู้จักการ "ให้"  โต๊ะอิหม่ามบรรจงเน้นว่าความตายคือการก้าวผ่าน  และบาทหลวงสมเกียรติปรารภนาที่จะให้ศรัทธาเป็นพลังใจ


                      
                                                              ถ่ายรูปเป็นหลักฐาน...ปีนี้ยังสวยอยู่

              คนผักไห่อยากเห็นคนผักไห่รักและสามัคคี แข่งทำกันแต่ความดี และเอื้ออารีย์ต่อกันตลอดไป ไอ้ที่เห็นแก่ได้  เห็นแก่พวกและเห็นแก่โมหะโทสะแห่งตน ก็จะจนใจเองสักวันหนึ่ง   
              ในงานนี้ได้พบมิตรภาพที่ซึ้งใจ ได้ร่วมเดินทางไปกับนายกสมาคมศิษย์เก่าสุทธาประมุข ปราโมช พันธุ์รัตน์(ชาวพุทธ) แถมเดินไปหาของกินยังได้พบเพื่อนชื่อ ครูแสน กิจสำเร็จ(ชาวคริสต์) และ สุทธาประมุขรุ่นน้องชื่อ พอ.อดุลย์ ปรีชาเดช(มุสลิม) 
               ประทับใจที่คนผักไห่ล้วนรักกัน

                        
                                       หลวงพ่อพระพยอมกัลยาโน พระผู้มีแต่ให้  นำผลไม้จากวัดมาขาย