http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,007,424
Page Views16,316,464
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

หลงเสน่ห์อยุธยา 4 เด็กชายในถุงแดง โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ

หลงเสน่ห์อยุธยา 4 เด็กชายในถุงแดง  โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ

หลงเสน่ห์อยุธยา

๔.เด็กชายในถุงแดง

เอื้อยนาง

             มีเสียงคนกรีดร้องดังขึ้นมาให้ได้ยิน   เจ้าหัวลูกตาลมีอาการสะดุ้ง ตกใจ  รีบมาคว้ามือของฉัน  แล้วพาล่องลอยอีกครั้งตรงไปที่ต้นเสียงอย่างรีบเร่ง

            เสียงกรีดร้องนั้นโหยหวนราวกับจะขาดใจ  ดังออกมาจากหมู่เรือนที่อยู่ฝั่งตรงข้าม อันมองเห็นอยู่ลิบ ๆ ในทิวไม้

            ฟ้ามืดลงมองเห็นด้านล่างสลัวราง  ในแม่น้ำปรากฏมีเรือ พายจำนวน หลายลำกำลังมุ่งหน้าไปทางเดียวกันเงียบ ๆ   ฝีพายในเรือล้วนเป็นชายฉกรรจ์ที่นุ่งผ้าเหน็บเตี่ยวมีบางคนเท่านั้นที่สวมเสื้อ  และในอ้อมกอดของชายคนที่สวมเสื้อมีถุงผ้าสีแดงมัดปากแน่น  สิ่งที่อยู่ภายในถุงดิ้นขลุกขลักให้เขาต้องกระชับอ้อมแขนกอดกดให้แน่นไว้ตลอดเวลา

                                        

            เรือทั้งหลายที่ล่องมาตามแม่น้ำต่างวกอ้อมตามกันเข้าในลำคลอง   และมาจอดนิ่ง

ริมฝั่งที่มีชานระเบียงบ้านยื่นออกมารายเรียง  เสียงร้องไห้ของผู้หญิงที่โหยหวนนั้นดังลงมาจากเรือนหลังใดหลังหนึ่ง ณ ที่นี่เอง 

            ท่านขุนมาแน่ะ    บอกให้นางละมุดมันหยุดร้องทีซิ  เดี๋ยวได้หัวขาดหรอก

            เสียงตะโกนมีอำนาจจากบนเรือนดังขึ้น  หยุดเสียงทั้งปวงให้เงียบลง  เหลือไว้แต่เสียงฝีพายกระทบน้ำ ด้านล่าง และเสียงขลุกขลุกของสิ่งที่อยู่ในถุงแดง  

            ลงไปรับท่านขุน  ไปอุ้มเอาถุงแดงนั้นขึ้นมา

            เสียงเดิมที่มีอำนาจหยุดเสียงทั้งปวงนั้นดังขึ้นอีกที  ชายแก่บนเรือนรีบวิ่งงกเงิ่นลงไปท่าน้ำ  ซึ่งมีเรือหลายลำจอดชะลออยู่    

                             

            ท่านขุน  คือชายในเรือที่มีถุงแดงในอ้อมกอด  เขาลุกขึ้นยืนก้าวขึ้นมาบนฝั่ง  ทันทีที่ทาสบนเรือนวิ่งลงมาหมอบอยู่ตรงหน้า  ท่านขุนก็ยื่นถุงที่เคลื่อนไหวขลุกขลักนั้นไปให้

            ฝากท่านบาทหลวงเลี้ยงไว้ด้วย    และจำไว้ว่าหากเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปทุกคนจะไม่มีหัวอยู่บนบ่า

            ท่านขุนกระซิบเสียงเบา  แต่มันคล้ายดังสะท้านสะเทือนไปทั้งหล้าโลก  แล้วท่านก็ถอยกลับไปลงเรือ  และหายไปในสายน้ำ

            ถุงแดงมาวางกลิ้งอยู่ตรงหน้าแล้ว  ชายชราเจ้าของเรือน  เจ้านายของทุกคนในหมู่เรือนก้มลงกราบครั้งหนึ่ง  พลอยให้ทาสผู้ลงไปรับถุงขึ้นมาทำตาม

            พระเจ้าหัวผู้ทรงพระเยาว์  ต่อไปนี้ท่านจะเป็นเด็กธรรมดาลูกนังละมุด

                             

            พูดเสียงเบาได้ยินกันสองคน  ก่อนแก้ปากถุงออก  เผยให้เห็นร่างอ่อนระโหยของเด็กชายวัยไม่เกิน ๕ ขวบนอนคุดคู้อยู่  มือ  เท้า ปาก  ตา ล้วนถูกมัดแน่น  เด็กน้อยมีเพียงลมหายใจที่แผ่วโผยให้ชายชราทั้งสองช่วยกันปฐมพยาบาลอย่างเร่งด่วน  แล้วนางละมุดจึงถูกตามตัวมา

            เด็กคนนี้คือลูกของเจ้า  จำใส่ใจไว้ว่า  ถ้าเด็กคนนี้ยังอยู่  ลูกของเจ้าก็ยังอยู่  และเรื่องนี้เรารู้กันเพียงสามคน

            ประกาศิตนั้นทำให้นางละมุดค่อย ๆ ยื่นแขนอันสั่นเทามาอุ้มเอาร่างเล็ก ๆ เท่าลูกน้อยของนางที่หายตัวไปทำให้นางร้องไห้คร่ำครวญอยู่ไม่หยุด   กระชับ  ร่างเล็ก ๆ

เข้าไว้ในอ้อมกอด  กระแสความอบอุ่นแผ่ซ่าน  นางให้สัญญาด้วยใจว่า  เขาก็คือเลือดในอกของนาง

                           

            นางเป็นแม่ของเจ้าหรือเปล่า

            ฉันกระซิบถามเจ้าหัวลูกตาลผู้ตามหาแม่  เขาส่ายหน้า  ส่ายหัวจนผมฟู ๆ

 ไหวเพยิบ

            ที่นี่คือบ้านของเจ้าไม่ใช่หรือ   ฉันถามเพราะที่นี่คือส่วนหนึ่งของหมู่บ้านโปรตุเกสที่ฉันเก็บเอาลูกตาลไปเมื่อวันวาน

            ใช่...แต่  แม่ พาผม มาที่นี่เป็นบางครั้งเท่านั้น  นางละมุดเป็นน้องสาวของแม่

            แล้วพ่อของเจ้าล่ะ

            พ่ออยู่กองอาสา  ไปสงครามบ่อย ๆ  พ่ออยู่ตรงนั้น

            เขาชี้มือไปที่เนินดินใต้ต้นไม้ใหญ่ถัดขึ้นไป  ฉันมองไม่เห็นสิ่งใดกำลังจะอ้าปากถาม  เขาชิงตอบอย่างรู้ใจว่า  ฝังอยู่ตรงนั้นแหละ  แต่ไม่มีแม่  เมื่อพ่อตายแม่ก็หายไป

                             

            ไปดูกันสิ  เขาชวนแล้วพาฉันผละไปที่เนินดินใต้ต้นไม้ใหญ่ที่มีเพียงหลุมลึกกองกระดูกมนุษย์กระจัดกระจายบนเนินดิน 

            พวกขุดสมบัติมาขุดค้น  ฉันหลับตาลงไม่อยากมอง   ได้ยินเจ้าหัวลูกตาลถอนหายใจเฮือก  ราวกับเขาก็มีความรู้สึกเครียดกับสิ่งที่เห็นเหมือนกัน

            ส่วนผู้หญิงคนนั้น  แม่ละมุดน่ะ   ลูกของนางก็อยู่ในถุงแดง  แต่ไม่ใช่ถุงนี้  ไปดูกันเถอะ

ชั่วพริบตา  เพียงลืมตาอีกทีสภาพสิ่งแวดล้อมก็เปลี่ยนไปแล้ว  ที่นี่ที่ไหน  ฉันเอ่ยถามพลางเงี่ยหูฟังเสียงสวดมนตร์ที่ดังมาจากราวป่าเบื้องหน้า

            โคกพญา

 เขากระซิบตอบพลางทำเสียงจุปากในลำคอ  เป็นเชิงห้ามฉันพูด หรือส่งเสียง

            โคกพญาหรือ   

                            

พระสงฆ์หมู่หนึ่งนั่งพนมมือบนเสื่อที่ปูทับพื้นหญ้าแฉะ ๆ   หลับตา  ปากสาธยายมนตร์ส่งวิญญาณ  ตรงหน้ามีถุงแดงแบบเดียวกับที่เห็นคนเรือนำขึ้นบนเรือนเมื่อครู่  แต่ถุงนี้ไม่ขยับเขยื้อนเหมือนสิ่งที่อยู่ภายในเป็นเพียงสิ่งไม่มีชีวิตแล้ว

            ลูกของนางละมุดอยู่ในนั้นหรือ  ฉันเดาเรื่องได้ทะลุปรุโปร่งแต่แรกแล้ว  แต่ยังอดไม่ได้ที่เอ่ยปากถามด้วยความตื่นเต้น   โดยที่เจ้าหัวลูกตาลห้ามไม่ทัน

 และเสียงของฉันก็เป็นเหตุ

            เฮ้ยมีใครอยู่ตรงนั้น  ผู้ชายกลุ่มหนึ่งไม่รู้มาจากไหน ทุกคนล้วนนุ่งผ้าสีแดงและมีแถบผ้าแดงคาดศีรษะ ปล่อยลำตัวที่มีรอยสักลายพร้อยเปล่าเปลือย   ในมือทุกคนล้วนมีดาบยาว  ต่างกรูกันมาทางที่เราซ่อนตัวแอบดูอยู่  สีหน้าท่าทางของทุกคนล้วนมุ่งร้ายหมายชีวิต  ฉันออกวิ่งหนีด้วยสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด

            จับตัวมา  จับให้ได้  จับไม่ได้ก็ฆ่าทิ้งเลย 

                             

            เสียงตะโกนตามหลังเหมือนแรงส่งให้ขาของฉันมีพลังวิ่งไปข้างหน้า  ลืมเจ้าหัวลูกตาลไปชั่วครู่  แต่ก็เขานั่นแหละที่เร็วกว่า  เขาวิ่งนำหน้าราวกับลมพัด  แถมมาพัดหอบเอาร่างฉันรอดพ้นจากนักล่าได้ในชั่วพริบตา

            เรามาหอบตัวโยนอยู่ที่ศาลาหน้าโบสถ์วัดพระเมรุที่มีผู้คนจอแจซึ่งเราเพิ่งจากไปเมื่อเช้านี่เอง  สภาพความเป็นจริงในปัจจุบันปรากฏขึ้นอีกครั้ง  ฉันพยามยามมองกลับหลังหาผู้ที่ติดตามมา  แต่ไม่มีแม้เงาของเพฆาตโบราณนุ่งผ้าแดงตามมาสักคน     บริเวณโคกพญา หายไปแล้ว  เห็นแต่สภาพปัจจุบันที่มีผู้คนพลุกพล่านในวัด 

            “ที่นี่ไม่ปลอดภัยหรอก

             เจ้าหัวลูกตาลว่ายังไม่ขาดคำก็มีเสียงดังลั่นราวกับฟ้าผ่าขึ้นข้างหลัง

             “หายไปไหนวะ หาตัวไม่ได้ท่านขุนเอาเราตายเลย  ความลับของพระเจ้าอยู่หัวหมายถึงหัวของพวกเราด้วย มันจะอยู่หรือจะหลุดจากบ่า  ถูกโยน  ให้แร้งกากิน

ท่ามกลางฝูงชน  นักล่ายังคงตามมาไม่ลดละ  เขาเดินผ่านทะลุผู้คนมาสอดส่องมองหา 

เร็ว!!!...”

             เจ้าเด็กน้อยจอมยุ่งคว้ามือของฉันกระชากพาปลิวไปอีกครั้ง  ฉันได้แต่หลับตา  หายใจ หายคอติดขัดไปหมด  ชีวิตของฉันตอนนี้เหมือนแขวนอยู่ในมือน้อย ๆ ที่ไร้สัญชาติไร้หัวนอนอย่าว่าแต่ปลายเท้าเลย  แม้แต่เลือดเนื้อเขายังไม่มี

                    

             “ไปหาน้าละมุดกัน  แม้ไม่ลืมตาฉันก็ได้ยินเขากระซิบในสายลม 

             “ไม่เอ้า...  คราวนี้ฉันรู้จักปฏิเสธเสียมั่ง  ตามใจเขามามากแล้วนี่(ที่จริงขืนไม่ได้เหมือนถูกสะกดมากกว่า)

             ฉันนึกถึงเพื่อนที่หมู่บ้านญี่ปุ่น 

            “กลับไปที่หมู่บ้านญี่ปุ่นเถอะ  เพื่อนฉันคงตามหาเราแย่แล้ว

            เขาไม่ตอบคำแต่พาฉันมาหยุดอยู่ที่แห่งหนึ่งที่มีพื้นโยกไหว  ครั้นลืมตาขึ้นฉันกลับเห็นว่าเรามายืนอยู่บนแพริมฝั่งน้ำ  ผู้คนมากมายกำลังโปรยอาหารให้ปลาที่คลาคล่ำอยู่ในน้ำใต้พื้นแพ  นกพิราบจำนวนมากมายพอ ๆ กับปลาโผผินขึ้นลงระหว่างพื้นน้ำกับหลังคาเบื้องบน  เป็นสภาพแสดงให้เห็นความเป็นสามภพแห่งโลก  คือในน้ำมีปลา  บนนแพมีฝูงชน  และมีนกในอากาศ

             “ที่นี่ที่ไหน  ฉันตั้งใจจะถามเจ้าหัวลูกตาลตัวยุ่ง  แต่เสียงเพื่อนของฉันที่กำลังโปรยเศษขนมปังลงให้ปลาเงยหน้ามาตอบว่า

             “อ้าวก็แพท้ายวัดพนัญเชิงไง  ลงมาเดี๋ยวนี้ยังไม่รู้อีก

              แน่ะ  คุณเธอไม่มีทีท่าแปลกใจอะไรเลยกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา  ฉันมองหน้าเจ้าหัวลูกตาลเห็นทำยักคิ้วหลิ่วตาก็เลยถอนหายใจ  เป็นฝีมือเขาอีกละซี 

             “หรือว่าเมื่อตะกี้...  เพื่อนเงยหน้าขึ้นมาทำสีหน้าฉงน  ฉันจึงยิ้มกลบเกลื่อนและพูดเป็นเชิงแก้ตัวอ้างเหตุว่า   ก็ที่วัดนี้มีที่ให้เดินเข้าไปกราบไหว้  เยี่ยมชม  และทำบุญมากมาย  ผู้คนก็เบียดเสียด  ก็มีหลงกันบ้างละ

 

                       

             “เฮ้ยโน่นอะไร

              ใครบางคนบนแพตะโกนขึ้นพลางชี้มือไปที่กลางแม่น้ำ   หันเหความสนใจของทุกคนไปที่นั่น   ปรากฏเรือพายไร้สัญชาติดงดิ่งมา  ที่ทำให้ทุกคนแปลกใจจนเบิ่งตาค้างก็คือ  ฝีพายล้วนเป็นชายฉกรรจ์ นุ่งผ้าแดง คาดผ้าแดงที่หัว   เนื้อตัวลายพร้อย  หน้าตาถมึงทึงบอกบุญไม่รับ  ดูเหมือนว่าเกิดมาชาตินี้จะไม่รู้จักรอยยิ้มเลยสักนิด

               “เขาตามเรามาแล้ว  ฉันร้อนรนขึ้นมาทันที

              “เร็วขึ้นไปไหว้กราบหลวงพ่อโตข้างบนกัน

               เจ้าหัวลูกตาลทำไมถึงฉลาดอย่างนี้ก็ไม่รู้  เขาคว้าข้อมือของฉันฉุดดึงขึ้นจากแพริมน้ำ   มุ่งหน้าไปวิหารด้านบนทันที  ฉันฉุดแขนเพื่อนไปด้วยอย่างเร่งด่วน  ก่อนที่เรือลำนั้นจะทันมาจอดข้างแพ

              ในยามมีภัยมาอย่างนี้เราคิดถึงสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองเสมอ

 

๐๐๐๐

             

 

           

           

             

           

 

Tags : หลงเสน่ห์อยุธยา เอื้อยนาง เรื่องสั้น/เรื่องยาว

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view