http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม13,957,459
Page Views16,263,771
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

พม่าไม่ไปไม่รู้ โดยเอื้อยนาง ตอน4.แสงดาวพราวกระพริบที่ย่างกุ้ง

พม่าไม่ไปไม่รู้ โดยเอื้อยนาง ตอน4.แสงดาวพราวกระพริบที่ย่างกุ้ง

พม่าไม่ไปไม่รู้ ๔

แสงดาวพราวกะพริบที่ย่างกุ้ง

                                       โดยเอื้อยนาง เรื่อง-ภาพ 

           เม็ดฝนเหือดหายไปชั่วครู่เมื่อคณะศรัทธาไทยของเราขึ้นจากเรือกลับสู่รถที่จอดรออยู่  ทำให้หนุ่มนะโพควาไม่ต้องคอยกางร่มให้  คงมีแต่ตั่งเล็ก ๆ ที่เธอยกมาตั้งเคียงข้างประตูให้เราได้ก้าวขึ้นรถได้สะดวก 

         เราเดินสวนกับทัวรีสชาวไทยอีกคณะใหญ่ที่ทยอยกันไปลงเรือ   มุ่งหน้าไปที่เจดีย์กลางน้ำเยเลพญาที่เราเพิ่งจากมา  เด็ก ๆ หน้าเข้ม ๆ นัยน์ตาซื่อ ๆ มีแววเว้าวอนยังยกโขยงตามติดมารุมล้อมยื่นมือผอม ๆ ออกมาพร้อมเอ่ยคำว่า มันนี่...มันนี่...

 

                          

         คำว่า Money ... ของเด็ก ๆ ชาวพม่า (รวมถึงเณร พระ แม่ชี  ตาฤาษี)ตามแหล่งท่องเที่ยวต่างๆฟังดูมีพลังบางอย่างให้เราต้องควักตังค์ในตอนแรก ๆ ที่พบเจอ  แต่ครั้นนานเข้า บ่อยเข้า  มากเข้า ฉันก็เลยย้อนกลับในใจว่า  เออแล้วเราเป็นหนี้กันมาแต่ชาติปางใดหนอ  (จะหมดกระเป๋าอยู่แล้วน่ะ) แล้วเลยก้มหน้างุดไปขึ้นรถปล่อยให้ความรู้สึกขัดแย้งในใจมันตีกันจนราบคาบไปเอง 

         ดวงตะวันคล้อยต่ำลงไปทุกที  ส่องลำแสงเฉียง ๆ ทะลุม่านเมฆมากระทบน้ำในแม่

น้ำย่างกุ้งสะท้อนประกายระยิบเมื่อเราข้ามสะพานหันหน้าสู่ย่างกุ้งอีกที  แม่น้ำย่างกุ้งชวงนี้กว้างมาก  กว้างกว่าแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงที่ข้ามไปมาระหว่างกรุงเทพ-ธนบุรีเป็นไหน ๆ

         อองจี โชว์เฟอร์หนุ่มผู้เคร่งขรึมเร่งความเร็ว(แต่ก็ยังช้าอยู่ดีสำหรับชาวไทย) เพราะคุณติ๊กเธออยากให้เราได้มีเวลาชมพระเจดีย์โบตะทาว  สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ตระการตาอีกแห่ง  ให้ทันช่วงเวลาคาบเกี่ยวระหว่างที่แสงตะวันยังสาดส่องก่อนลับหายแล้วมีแสงสปอร์ตไลท์ขึ้นมาขับสีทองขององค์พระเจดีย์ให้เรืองรอง  จะได้ชมความงามทั้งจากแสงตะวันยามยอแสง  และแสงไฟฟ้าที่ส่องต้องความอร่ามเรือง    

         “ยังมีเวลาอีกนิดหน่อย  ไปเก็บกระเป๋าขึ้นห้องพักกันก่อนนะครับ”  คุณติ๊กประกาศ

        “ทำเวลาด้วยนะคะ ไปนมัสการเจดีย์ และเทพทันใจที่นั้นแล้ว เราต้องไปทานอาหารที่ภัตตาคารเรือการเวกอีก”  น้องปุ๋ยสาวไกด์จากไทยแลนด์ผู้รับผิดชอบความสุข-ทุกข์ของพวกเราเร่งรัดด้วยน้ำเสียงน่ารัก

    

         ค่ำนี้เราจะพักกันที่โรงแรม กันดอว์จี KANDAWGYI  PALACE ซึ่งตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลสาบที่ชื่อเดียวกับโรงแรม แต่ฝรั่งเรียกว่า ROYAL LAKE  เป็นทะเลสาบกลางกรุงที่จัดแต่งเป็นแหล่งพักผ่อนของชาวเมือง มีสถานที่สำคัญ ๆ หลายแห่งตั้งอยู่รอบทะเลาสาบนี้ หรือใกล้เคียง  พม่าเรียกกันดอว์จีหมายถึง ทะเลขุดหลวง  เพราะเดิมทีเชื่อกันว่าที่แห่งนี้เป็นเพียงบึงใหญ่ตามธรรมชาติ เมื่ออังกฤษเข้ายึดครองย่างกุ้งจึงได้ขุดแต่งแปลงให้เป็นทะเลสาบ มีสวนสาธารณะ  มีศาลากลางเกาะรูปทรงแบบพม่า   มีสะพานเชื่อมทอดยาวที่ชาวเมืองในปัจจุบัน นิยมมาออกกำลังกายกัน  ในศาลากลางเกาะมองไป(มองจากร้านอาหารริมฝั่งที่คุณติ๊กพาไปทานมื้อกลางวันที่ผ่านมา)เห็นมีคนพม่าจับกลุ่มกินเมี่ยง กินหมาก นั่ง ๆ นอน ๆ น่าสบาย   นับเป็นมรดกตกทอดอันทรงคุณค่าอย่างหนึ่งจากยุคล่าอาณานิคม                   

         โรงแรมกันดอว์จี  เป็นสถาปัตยกรรมประยุกต์สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง โอ่โถง ทรงภูมิสวยงาม ล้ำค่า ทั้งภายในและภายนอก   เห็นบรรยากาศในสวนด้านวอเตอร์ฟร้อนแล้วอดก้าวออกจากประตูไปเดินไม่ได้แม้มีเวลาน้อยนิด  อยากนั่งอยู่ตรงนั้นพักกายพักใจสักพัก  แต่ก็ต้องตัดใจเพราะน้องสาวจุ๋ม  กับน้องชายรองวิทย์ช่วยกันเรียกหา  บอกว่าเขาจะไปกันแล้วนะ  ต้องกุลีกุจอขึ้นรถมุ่งพระเจดีย์โบตะทาวตามตารางเวลา  เป็นเรื่องน่าเสียดาย  ก็ต้องทำใจและตั้งใจไว้ว่า   วันหลังจะกลับมาพม่าแบบอิสระให้ได้  ไม่ต้องติดข้องตามคณะทัวร์จะดีกว่า

                    

         ระหว่างรถวิ่งไปตามถนนผ่านเจดีย์สุเลซึ่งเป็นพระเจดีย์ที่มีความสำคัญอีกแห่งในย่างกุ้ง  คุณติ๊กผู้มีตำนานเหลือเฟือเต็มพุงจึงเล่าถึงเจดีย์แห่งนั้นว่า   SULE  PAGODA  สุเลเป็นชื่อของนัตองค์หนึ่งในสี่นัตตามตำนานการสร้างมหาเจดีย์ชะเวดากอง(ซึ่งจะเล่าถึงในคราต่อไป)ที่เล่ากันสืบมาว่า   ในสมัยพระเจ้าโอปาลากะแห่งเมืองตะกอง(ชื่อเดิมของย่างกุ้ง)แห่งรามัญได้มีนายวาณิชชาวรามัญสองพี่น้องคือ ตะปุสสะ กับ ภัลลิกะ ได้เดินทางไปทำมาค้าขายยังอินเดีย และได้อัญเชิญพระเกศธาตุมายังรามัญประเทศ โดยมีพระฤาษีสี่ตนช่วยนำทาง ซึ่งต่อมากลายเป็นเทพนัตคอยปกปักรักษาพระเจดีย์ที่สร้างขึ้นประดิษฐานพระเกศธาตุ(เส้นพระเกศาของพระพุทธเจ้า)ที่สองพี่น้องได้อัญเชิญมาดังกล่าว 

         เดิมที่ตั้งของเจดีย์ทองเหลืองอร่ามทรงแปดเหลี่ยมองค์นี้ตั้งอยู่นอกกำแพงเมือง  แต่ครั้นเจ้าอาณานิคมอังกฤษเข้ายึดครองก็ได้ปรับผังเมืองย่างกุ้งเสียใหม่โดยยึดเอาสุเลเจดีย์เป็นศูนย์กลางขยายถนนออกไปทั้งสี่ทิศ  ดังนั้นใคร ๆ เข้ามาในย่างกุ้งจะเห็นเจดีย์นี้ตั้งตระหง่านด้วยรูปทรงแปดเหลี่ยมแปลกตา ใหญ่โตและสูงถึง ๑๕๗ ฟุต  มองแต่ไกลเห็นส่วนยอดสีทองวาววามราวกับดวงดาวกะพริบพราวอยู่กลางเมือง  ตึกรามบ้านเมืองในย่านนี้จึงมีสไตล์แบบ  ยุควิคทอเรียเป็นมรดกตกทอดมาถึงปัจจุบันอยู่เยอะ

                 

          แดดยังคงส่อง  แต่ฝนก็เริ่มโรยสายลงมาอีกเมื่อรถมาถึงหน้าประตูทางขึ้นสู่พระเจดีย์โบตะทาว  เดือดร้อนนะโพควาต้องหาร่มกางส่งทุกคนเข้าสู่โถงประตูด้านหน้า  ยังดีหน่อยที่ฝนเพียงโปรยละอองผิวผล็อย  หลายคนจึงออกวิ่งมากกว่าจะคอยร่ม  ฟ้าฝนคงอยากให้ความชุ่มเย็นแก่เรามากกว่าจะให้เปียกปอนจึงเพียงผ่อน ๆ สลับกับแสงแดดที่ออกมาเยี่ยมกรายเป็นบางครั้งเปิดโอกาสให้ถ่ายรูปได้บ้าง

                  

        แล้วเราก็ได้ตื่นตา ตื่นใจ กับความงามมหัศจรรย์ขององค์พระเจดีย์ทั้งภายในและภายนอก พระเจดีย์โบตะทาว  ก็มีตำนานเกี่ยวข้องกับการสร้างมหาเจดีย์ชะเวดากองเช่นกัน  แต่ ณ ที่ตรงนี้สร้างเพื่อเป็นที่ระลึกแก่นายทหารที่มาต้อนรับพระเกศธาตุที่สองพี่น้องวาณิชย์รามัญอัญเชิญมา คติการสร้างพุทธสถานของพม่านั้นจะแยกส่วนที่เป็นสังฆาวาส หรือที่พำนักสงฆ์ เรียกว่าอาราม (Kyaung – จอง  ในภาษาพม่า)ออกจากส่วนที่เป็นศาสนสถานอันมีองค์พระเจดีย์เป็นประธาน ซึ่งเป็นเขตศักดิ์สิทธิ์  เป็นที่ประกอบพิธีทางศาสนา ฟังธรรม  ถือศีลภาวนา  กระทั่งทำงานบุญต่าง ๆ จึงมี ศาลา  วิหาร  และศาลนัต ประดิษฐานพระพุทธรูป  เทวรูปเคารพต่าง ๆ อยู่รายล้อม  ตู้บริจาคตั้งไว้เป็นจุด ๆ พร้อมมีผู้นำดอกไม้ ธูป เทียน ตะกร้าเครื่องบูชาไว้บริการสนนราคาตั้งแต่ ๕๐๐ จั๊ตขึ้นไป

                  

         เครื่องบูชา นอกจากข้าวตอก(เสียบด้วยไม้เป็นช่อยาว) ดอกไม้ ธูป เทียน แล้วยังมีตะกร้าบรรจุไว้ด้วยกล้วย ๓ หวี และมะพร้าว ๑ ผลโตๆตั้งอยู่ตรงกลาง  ศรัทธาจากไทยแลนด์แดนโยเดียนิยมปิดทองก็มีทองจำหน่ายให้แต่เสียใจด้วยค่ะเพราะไม่มีพระเครื่อง ของขลัง ตะกรุด พุทธมนต์ ให้บูชาหรอกนะ  ที่ด้านในพระธาตุเจดีย์นี้มีห้องเล็ก ๆ แคบ ๆ วนเป็นเขาวงกตเดินเข้าไปนมัสการพระเกศธาตุ(พระเกศาของพระพุทธเจ้า)ซึ่งอยู่ลึกเข้าไปในส่วนกลางเจดีย์ และมีลูกกรงกั้นไว้ส่วนหนึ่งจึงได้แต่ยกมือพนมเคารพแล้วโยนแบ๊งค์ที่ต่างม้วนพันเป็นหลอดกลม หรือพับเป็นรูปกรวยเข้าไปสักการแล้วถอยออกมาชมความตระการตาของงานศิลปะล้ำค่าตามผนังและทางเดินก่อนออกสู่ประตูด้านนอกดังเดิม

                              

        ณ โถงด้านหน้านี้ถ้าเดินข้ามถนนไปจะมีศาลนัตชื่อเทพกระซิบอยู่  ส่วนด้านซ้ายมือคือศาลาหลังใหญ่มีผู้คนนั่งบำเพ็ญศีล ภาวนาอยู่เงียบ ๆ เป็นกลุ่ม ๆ ต่อพระพักตร์พระพุทธรูปที่มีอยู่เรียงรายด้านขวามือคือศาลนัตที่คนไทยรู้จักดี ชื่อ เทพทันใจ  องค์นัตยืนชี้มือออกมาข้างหน้าผู้อยากขอพรจะซื้อตะกร้าบรรจุกล้วย มะพร้าวไปทำพิธี พร้อมด้วยธนบัตรสองฉบับพับเป็นกรวยนำไปเสียบที่อุ้งมือท่านนัตยื่นหน้าผากตนเองไปแตะนิ้วชี้ของท่านพนมมือคารวะขอพรแล้วเดินอ้อมไปด้านหลังท่านและกลับมาถอดเอาธนบัตรออกไปเก็บไว้เป็นสิริมงคลหนึ่งฉบับ 

         พระอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้วเมือเราออกมาจากศาลนัตเทพทันใจ  สายฝนเริ่มหนาขึ้นแต่องค์พระเจดีย์ยังอร่ามเรืองรองด้วยแสงไฟสาดส่องต้ององค์ให้พราวพร่างดั่งดวงดาวที่พราวฟ้าไม่นำพาสายฝนที่โปรยปรายพรมพื้นจนเจิ่งนองนั้นเลย

Tags : พม่าไม่ไปไม่รู้ 1 2 3

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view