http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 13/03/2024
สถิติผู้เข้าชม14,007,680
Page Views16,316,721
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

ไปเที่ยวสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด :เที่ยวอย่างมีสาระน่าสนใจ โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ไปเที่ยวสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด :เที่ยวอย่างมีสาระน่าสนใจ โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

ไปเที่ยวสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด

                                         :เที่ยวอย่างมีสาระน่าสนใจ

โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ

                 ถ้าการไปท่องเที่ยวสถานีวิจัยดูท่าจะน่าเบื่อหน่ายและไม่น่าสนใจละก้อ  ต้องลองไปสักครั้ง แล้วจะได้รู้ว่า แหล่งท่องเที่ยวที่เป็นเหมือนงานการวิจัยและพัฒนานั้น มีทั้งสาระควรรู้ และมีทั้งแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นธรรมชาติ แม้จะไม่ใช่อุทยานแห่งชาติหรือเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และไม่ได้ปรุงแต่งอย่างกับรีสอร์ทหรู แต่รับรองว่าไปเที่ยวแล้วอยากไปอีกแน่นอน

             

                                    เปิด 1ธค. 53-6 กพ.54 ไม่ผิดหวังจ้า

                อนุสนธิจากการได้รับเชิญไปร่วมเปิด "เทศกาลดอกไม้บาน ณ อุทยานหลวงราชพฤกษ์" ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ แล้วมูลนิธิโครงการหลวงได้กรุณานำเที่ยวตามโครงการหลวงต่างๆ เพื่อเปิดสู่การท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ เน้นความยั่งยืนของชุมชนและแหล่งท่องเที่ยว พร้อมกับแถมสาระความรู้  อารมณ์ดี ได้ฟอกปอดกับอากาศบริสุทธิ์และร่างกายแข็งแรง

                สำหรับผม ได้ลองลิ้มชิมกาแฟดอยคำจากแหล่งกำเนิดแม่หลอด เกินคุ้มครับ

           

                                   ระเบียงครัวสวัสดิการ...เชื่อมต่อกับบ้านพัก

               พวกเรา(สื่อ)ได้รับการนำเที่ยวที่ศูนย์พัฒนาโครงการหลวงม่อนเงาะช่วงเช้า แล้วก็มาต่อด้วยการเข้าพักค้างที่สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอด อ.แม่แตง จ.เชียงใหม่ เวลาที่มาถึงสถานีพลบค่ำพอดี อากาศกำลังโรยตัวด้วยไอเย็น บนที่สูงจากระดับน้ำทะเลปานกลาง 680 เมตร เป็นอากาศหนาวเย็นที่ปราศจากลมโชย เรียกว่าไม่ได้เย็นด้วยลม

               เจ้าหน้าที่สาวพาพวกเราเดินไปบ้านพัก ซึ่งเป็นบ้านไม้สองชั้นเชื่อมต่อระเบียงเดียวกับอาคารที่เปิดเป็นร้านสวัสดิการ  

               "สื่อหญิงนอนชั้นสองฝั่งซ้าย สื่อชายนอนชั้นสองฝั่งขวานะเจ๊า"

               เท่านั้นแหละ สื่อหนุ่มสื่อสาวปรี่กันยกสัมภาระขึ้นไปกันหมด แต่แล้วก็เหลือสื่อชราคนหนึ่งกับสื่อหนุ่มใหญ่อีกหนึ่ง

             

                                          ระเบียงครัวสวัสดิการ..น่านั่ง

              "อ้าวคุณลุง มีปัญหาอะไรหรือเจ๊า"

               "ผมสองคนเป็นเบาหวาน ฉี่บ่อย ท่าจะขอนอนเต็นท์ที่อยู่ใกล้สุขาหน่อยได้หรือเปล่าครับ" ผมรีบตอบ ได้รับคำตอบว่า

               "อ๋อ ตามมาเลยเจ๊า"

               ว่าแล้วเจ้าหล่อนก็เดินนำหน้าไปทางใต้ร่มไม้ที่กางเต็นท์อยู่ 5 เต็นท์ แต่ละเต็นท์นอนได้สองคนพอดี ผมกับคุณดลมนัส กาเจ บก.หน้าเกษตร ของนสพ.คมชัดลึก

               ยกสัมภาระเข้าเต็นท์แล้วก็เดินออกไปรวมพลเพื่อกินอาหารมื้อค่ำบนระเบียงน่านั่งยาวๆ เพื่อนๆคอยอยู่แล้ว ทุกคนทำหน้าที่ของตนเองด้วยความสำนึกดี มีให้กินก็กิน อิ่มก็ทำงานได้   

              

                                       ควงกระบองไฟ..ยังกับอยู่เกาะพงัน

               ระหว่างนั่งกินข้าวกันอยู่นั้น มีเยาวชนแสดงให้ชมหลายอย่าง ฟ้อนดาบเอย ควงกระบองไฟเอย มีกระทั่งพ่นไฟ  เยาวชนหญิงอยู่ในชุดกระโปรงสีขาวยาวคลุมข้อเท้า อันเป็นชุดประจำของสาวๆชนเผ่าปกาเกอะญอ  ชุดนี้แต่งได้ตั้งแต่เด็กจนถึงสาวและเฒ่าแก่ โดยผู้แต่งต้องอยู่ในเงื่อนไขสำคัญ "ยังไม่ได้แต่งงาน" ชุดเฉพาะสาวโสดนี้เรียกว่า "เชวา" เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อให้รู้ว่า หญิงนั้นยังโสดอยู่

            

                                              พ่นไฟ.......โอ้มายก๊อด  

             อย่าคิดว่าผมรู้มาก ความจริงเลย ผมได้อ่านผลงานเขียนของนักเขียนชาวปกาเกอะญอคนหนึ่งซึ่งเขียนไว้ในรวมเรื่องสั้นน่ารักและทำให้ได้รู้วิถีชีวิตชนเผ่าได้อย่างลึกซึ้ง หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า "เชวาตัวสุดท้าย" หลังอ่านรวดเดียวจบ ผมส่งหนังสือเล่มนี้ไปให้เพื่อนซึ่งเป็นครูสอนหนังสืออยู่ที่จังหวัดพิษณุโลก หวังให้เธอได้ใช้เผยแพร่เรื่องวิถีชีวิตวัฒนธรรมประเพณีและความเชื่อของชนเผ่า แต่เดี๋ยวนี้ครูต๋อยเกษียนราชการแล้ว ไม่ได้ใช้แล้ว กรุณาส่งคืนด้วย อยากอ่านซ้ำอีกอะ 

           

                              หนุ่มใส่เสื้อสีแดงทอมือ เยาวชนหญิงใส่ชุดเชวาสีขาว 

              ชุดเชวาสีขาวที่เห็นเด็กๆสวมใส่มาแสดงฟ้อนคืนนั้น  ทำให้ผมนึกถึงความหลังครั้งเมื่อเคยเข้าป่าไปทำงานที่อำเภออมก๋อย ถนนราดฝุ่นสมัยนั้นเข้าออกยาก เป็นดินแดนที่ถือกันว่าทุรกันดารยิ่งนัก ระหว่างนั่งรอให้หม้อน้ำรถจิ๊ปวิลลี่เย็นลง ผมได้เห็นสาวชาวปกาเกอะญอกลุ่มหนึ่ง ผิวใสใบหน้าและแก้มแดงยังกับลูกท้อ ทุกคนสวมชุดขาวที่กล่าวถึงนี่แหละ(ซึ่งตอนนั้นไม่รู้ว่าเรียกเชวา) เดินกันอยู่ริมทางกลางป่า แสงแดดยามเย็นไล้ทั่วปลายผม ผมอุทานค่อยๆ "สวยจัง" ผมมองเธอเดินกันด้วยความร่าเริงอยู่เงียบๆ

               ไม่กล้าแม้จะขยับตัว กลัวเธอจะตื่นตกใจแล้วหายไป คืนนี้ผมได้มาเห็นอีกแล้ว แม้ว่าวัยจะแตกต่างกัน เวลาก็แตกต่างกัน สาวกลุ่มนั้นกับเด็กๆกลุ่มนี้ ผมเองหรือก็แก่ลง

             

                                       ป่าดงดิบผืนใหญ่ที่เหลืออยู่

               ชุดการแสดงของเด็กๆปกาเกอะญอกลุ่มนี้นำมาร่วมงานต้อนรับสื่อมวลชนโดยผู้ใหญ่บ้านที่คนพื้นเมืองเรียกกันว่า พ่อหลวง เขาสวมใส่เสื้อปกาเกอะญอสีแดงประจำเผ่า นอกจากการแสดงแล้ว ผู้ใหญ่บ้านคนหนุ่มไฟแรงยังได้ร้องเพลงประกอบดนตรีให้ฟังด้วย อันแสดงถึงความสัมพันธ์ของชุมชนและสถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดเป็นอย่างดี

               นี่แหละครับ เข้าใจ เข้าถึง จึงเกิดความร่วมใจในกันและกัน

            

               หลังอาหาร เจ้าหน้าที่สาวมาเชิญชวนให้ไปร่วมกันปล่อย "โคมลอย" อันเป็นการลอยอีกชนิดหนึ่งซึ่งคล้ายๆกับลอยกระทงเพื่อขอสมาลาโทษแม่น้ำคงคา หรือแม่น้ำลำคลอง การลอยโคมจึงเป็นการลอยเคราะห์ลอยโศกลอยโรคลอยภัย ให้พ้นไปจากชีวิตของเรา แต่ว่าอยู่กันบนดอยสูง ไม่มีแม่น้ำจะลอยกระทง ได้ลอยโคมลอยยิ่งเพิ่มมิติการท่องเที่ยวให้กับสื่อกลุ่มนี้มาก

                คุณๆถ้าได้ไปเที่ยวที่สถานีวิจัยบนดอยแห่งนี้แล้วได้ลอยโคมลอย จะปลื้มไหม

             

                                           ขอพรอะไรหนอ...อยากรู้จัง

               "ช่วยกันจับขอบโคมนะเจ๊า จุดไฟแล้วรอให้ไฟเผาอากาศให้เกิดอากาศเบาคือคาร์บอนไดอ็อกไซด์ ต้องรอจนกว่าจะรู้สึกว่า โคมกำลังอยากจะลอยขึ้นเต็มที่แล้ว จึงอธิษฐานขอพรหรือขออะไรก็ได้ที่ปรารถนา บรรจงปล่อยพร้อมๆกันเลยเจ๊า"

                สิ้นเสียงสั่งก็ได้เห็นพร้อมได้ยินเสียงเฮฮาด้วยความสนุก โคมลอยกำลังเร่งความเร็วขาขึ้น แต่แล้วทันใดก็มีลมพัดกระโชกมาพรืดหนึ่ง โคมลอยโคมหนึ่งถูกพัดไปติดกิ่งไม้ ได้เฮอีก

             

                                               ม่วนแต๊ๆ...บ่ได้จุเน้อ

              ค่ำคืนแสนสุขผ่านไปเร็ว ผมหลบเข้าเต็นท์นอน คุณดลมนัสไปนั่งเสวานากับน้องๆสื่อบนระเบียงครัวสวัสดิการต่อ  

                "พี่นอนก่อนดีแล้ว เดี๋ยวผมกลับมา พอล้มลงหัวถึงหมอน ผมก็ติดเครื่องยนต์ทันที" 

                ผมนึกในใจ เดี๋ยวก็รู้ หมู่หรือจ่า หนอยแน่ะ ขู่ใครไม่ขู่ จากการสัญจรไปกับสื่อหลายๆครั้ง มีแต่สื่อเลือกที่จะไปนอนคู่กับสื่ออื่นๆ 

                 "โฮ้ โฮ้ นอนกับธงชัย" พร้อมกับส่งเสียงหัวเราะแบบขำกลิ้ง 

            

               ผมนอนฟังเสียงหริ่งหรีดเรไรขับขานแข่งกันในความมืด แทรกซ้อนด้วยเสียงนกกลางคืนเป็นระยะ แต่ผมไม่รู้จักว่าเสียงนกกลางคืนตัวนั้นเป็นนกอะไร ได้แต่กะเอาว่า พรุ่งนี้ 06.00 น.จะตื่นไปส่องนกกับเจ้าหน้าที่ระดับอาจารย์ที่จะนำขบวน แล้วจะถามดูสักหน่อย ประดับความรู้เอาไว้อีกสักนิด ด้วยว่าในชีวิตการเรียนระดับปริญญาตรีและโทของผม ไม่เคยเรียนเรื่องนกกับเขาเลย

            

                                    เต็นท์ที่ผมนอนกับคุณดลมนัส กาเจ

               ผมสะดุ้งตื่นกลางดึก "ปวดฉี่รอบที่สาม" แต่แล้วก็ต้องตกใจ มีเครื่องยนต์ขนาด 185 แรงม้าครางกระหึ่มอยู่ข้างๆ คุณดลมนัสกลับเข้ามานอนเมื่อไร นึกในใจ แกไม่ได้ขู่ หลังฉี่ผมได้บทพิสูจน์ "คราวหน้าแยกเต็นท์" ผมนอนฟังเสียงครวญครางไปเรื่อยๆจนได้ยินเสียงไก่ป่าขานขัน หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้ยินเสียงอะไรอีก ผมหลับจนฟ้าสางจางปาง พระอาทิตย์กำลังเปล่งแสงลงมาแล้ว ผมสั่งตัวเองทันที "เร็ว" ผมคว้าเป้กล้องได้ก็คล้องใส่หลังสวมรองเท้าฉับแล้วบึ่งอ้าวไปจนถึงกลุ่มดูนก ทันอยู่ แฮะๆ

            

                                         กลุ่มดูนก....บนดอยแม่หลอด

               กลุ่มดูนกมีผมคนเดียวที่อาวุโสสูงสุด เจ้าหน้าที่ส่งกล้องดูนกให้ แต่ผมขอใช้กล้องตัวใหม่กำลังซูม 35 เท่า อัจฉริยะ (แคนนอน)  ผมเดินตามอาจารย์กลุ่มไปด้วยความสำรวม การดูนกต้องเงียบและสวมใส่เสื้อผ้าสีทึมๆ  อาจารย์นำกลุ่มส่องพบนกชนิดหนึ่ง แต่ผมเห็นเพียงใบไม้ไหวๆ ด้วยว่านกตัวเล็กมาก หากไม่ชำนาญการใช้กล้องส่องหรือซูมจะไม่เห็นเลย

               "นกกินปลี ตัวเล็กกระโดดเร็ว" เสียงอาจารย์เล่าแถมให้นิดหน่อย

             

                                     นกพญาไฟตัวผู้.....นกสีแดงแต้มสีดำ

                "โน่นเจอแล้ว  นกพญาไฟตัวผู้ เกาะอยู่บนกิ่งมะขามป้อม แหม มีลูกดกน่ากินเสียด้วย"

                อาจารย์บรรยายให้ฟัง ผมส่องเจอ จึงกดชัตเตอร์เก็บภาพไว้ในไฟล์  นกอะไรกันหนอชอบใส่เสื้อสีแดงขลิบดำ สีสดใส สวยงามจริงๆ 

                "ใกล้ๆกันมีตัวเมีย สีเหลืองนะครับ" ผมพยายามส่องกล้องหา แต่ไม่ทันเสียแล้ว 

                            

                "บนกิ่งต้นไม้ตาย มีนกปรอดหัวดำครับ น่าจะเป็นตัวผู้"

                 อาจารย์เห็นด้วยความเชี่ยวชาญ ผมส่องตามแล้วก็ได้ภาพมาอวด

                "อีกตัวหนึ่ง ใกล้ๆกันเป็นนกชื่อ อีเสือ หรือ เสือ สีหม่นๆ มีแต้มสีเข้มนิดหน่อย สวยแบบคลาสสิกว่างั้นเถอะ

            

                                          เสือ.........สีขนคลาสสิก

                 หลังจากนั้นก็เดินชมต้นไม้ใบหญ้าไปเรื่อยๆ เช่นต้นไม้เลื้อยอิงอาศัยประเภทสมุนไพร หรือกระวาน จำพวกข่า ปลูกแซมอยู่ทั่วไปในบริเวณของสถานี 

                 "ต้มยำไก่บ้านใส่กระวานหั่นเฉียง หอมชวนกิน" ผมนึกในใจ น้ำลายพาลสอซะอีก

                 "กลับไปทานข้าวต้มและกาแฟดอยคำ(อาราบิก้า-แม่หลอด) ก่อนนะครับ แล้วค่อยไปดูงานอื่นๆต่อ" อาจารย์กล่าวแล้วเดินนำไปยังครัวสวัสดิการที่เตรียมอาหารและกาแฟไว้รออยู่

                            

             หัวหน้าประวิทย์ ฤทธิ์งาม

                 หลังอาหารเช้า อาจารย์อีกคนหนึ่งนำทีม พาสื่อไปดูงานพืชผักต่างประเทศที่ทำการวิจัยและทดลอง เพื่อส่งเสริมให้กับชุมชนคนรากหญ้า ได้ปลูกและเก็บเกี่ยวผลผลิต โดยมีตลาดรองรับในราคาที่ชาวบ้านอยู่ได้ และได้ราคาสูงกว่าพืชผักทั่วๆไป เช่นแปลงทดลองปลูก ถั่วแขก  คะน้ายอดดอยคำ  กะหล่ำปมเขียว  แตงกวาญี่ปุ่น  ส่วนไม้ผลก็เช่นอะโวกาโด สมุนไพรก็เช่น ยูเอสเอมิ้นท์ เจแปนมิ้นท์ เลมอนบาล์ม ส่วนข้าวไร่-พืชไร่ก็เช่น พันธุ์กุหลาบแดง ถั่วเหลืองผิวดำ ถั่วลิสงหวาน ข้าวสาลี  มีกระทั่งสัตว์ที่เลี้ยงเพื่อขายเนื้อเช่นกระต่าย  หมูพันธุ์พื้นเมือง  หมูป่า ไก่ฟ้าสีทองคอแหวน  ไก่บ้านสีทอง  ไก่เบรส  และแพะพันธุ์ชาเนล 

                   ฟักทองจานบิน                                       ถั่วแขกพันธุ์ดีที่ส่งเสริม

                  หลังจากนั้นก็ได้ไปเดินชมน้ำตกหมอกฟ้าที่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย แต่ด้วยว่าเวลามีจำกัด จึงถ่ายภาพกันแบบเร่งร้อนไปนิด  อย่างไรก็ตาม การมาท่องเที่ยวและพักค้างแรมคืนที่สถานีวิจัยโครงการหลวงแม่หลอดครั้งนี้ กลับได้รับรู้และรู้แล้วว่า ต้นตอกาแฟพันธุ์อาราบิก้าที่ดีมีมากที่สุดอยู่ที่ประเทศไทย โดยเพาะที่แม่หลอดนี่เอง แต่อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้คงจะไม่มีหน้าพอที่จะเขียนถึง โอกาสหน้าแน่นอน แฟนๆจะได้รับความรู้เรื่องกาแฟอาราบิก้าฉบับเต็มๆ จากอาจารย์ อาภรณ์ ธรรมเขต ฝากให้รอไปก่อนจ้ะ                              

 

ได้มาเที่ยวน้ำตกหมอกฟ้าด้วย..การท่องเที่ยวสมบูรณ์

สนใจอยากไปท่องเที่ยวในเครือมูลนิธิโครงการหลวงติดต่อตรงที่www.thairoyalprojecttour.com

หรือ

65 ม.1 ต.สุเทพ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ 50200

E-mail:ml7004rpf@gmail.com //ritngarm_26@hotmail.com

ติดต่อตรงกับหัวหน้าประวิทย์ ฤทธิ์งาม โทร.081-9610014

               

Tags : โครงการหลวงราชพฤกษ์ โครงการหลวงม่อนเงาะ มูลนิธิโครงการหลวง จังหวัดเชียงใหม่

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view