บ้านวัดจันทร์:ทริปแรกแห่งการเดินทางแสนไกล
โดยธงชัย เปาอินทร์ เรื่อง-ภาพ
โดยไม่ได้คาดคิด แต่เพราะว่าเกิดการเปลี่ยนแปลงกำหนดการการบรรจุพระธาตุดอยนก ต.แม่สาบ อ.สะเมิง จ.เชียงใหม่ เป็นวันที่ 16 มกราคม 2554 เวลา 11.00 น.นั้น ทำให้การเดินทางช่วงเวลาต่อไปต้องปรับเปลี่ยนเพื่อให้เกิดความเหมาะสม ประหยัด และใช้เวลาอยู่ในกำหนดการที่วางเป้าหมายเอาไว้ นั่นคือหลังจากไปร่วมงานบุญยกยอดฉัตรและบรรจุพระธาตุดอยนกดังกล่าวแล้ว เป้าหมายที่จะต้องไปค้างอ้างแรมคืออำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
รูปเส้นทางจากwww.
ถ้าต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นที่ปากทางแม่มาลัยก็ไร้ประโยชน์ อย่ากระนั้นเลย มุ่งตรงไปจากสะเมิงด้วยการไต่ระดับความสูงจากน้ำทะเลปานกลางหรือไต่ไปตามขุนเขาบนถนนสายที่ลาดยางบ้าง ลาดฝุ่นบ้าง มีหมู่บ้านชาวไทยภูเขาหลายเผ่าพันธุ์แทรกอยู่เป็นหย่อมๆ ที่ดินทำกินกระจายอยู่รอบๆหมู่บ้าน แต่กลับมีผืนป่าต้นน้ำอุดมสมบูรณ์มากกว่าการถูกบุกรุกทำลายเพื่อทำไร่เลื่อนลอย
รถตู้คอมมูเตอร์ 10 ที่นั่งป้ายแดงบึ่งไปด้วยความเชี่ยวชาญของพนักงานขับรถยนต์ รวมระยะทางจากปากทางแม่ริม(1096) จนถึงบ้านวัดจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ 112 กม. ได้เวลาหิวจัดพอดี พนักงานขับรถพยายามแวะเวียนไปหาร้านอาหารให้ แต่เหลียวซ้ายแลขวาแล้วเหลืออยู่เพียงร้านเดียว ครัวหนานคำ ตั้งอยู่ตรงสามแยกกลางตลาดบ้านวัดจันทร์ มีวัดบ้านวัดจันทร์และอำเภอกัลยาณิวัฒนาอยู่เบื้องหน้า
อาหารตามสั่งช่วยให้หายคลายหิวไปได้ อารมณ์กลับมานิ่งอีกครั้งหนึ่ง วัดความสูงจากระดับน้ำทะเลจากนาฬิกาข้อมือ 990 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง อากาศบ่ายวันนั้นยังเย็นอยู่พอสมควร ถ้าบ่ายจัดและเย็นย่ำไม่แน่ใจว่าจะหนาวเหน็บสักเพียงใด ว่ากันว่าอุณหภูมิต่ำสุดอยู่ที่ 4 องศาเซลเซียส และมีอุณหภูมิเฉลี่ย 19 องศาเซลเซียส อีกทั้งยังมีภูมิประเทศเป็นภูเขาสลับซับซ้อน เต็มไปด้วยป่าสนเขา ป่าดงดิบเขา และป่าเบญจพรรณ
ป่าสนสามใบไม้เด่นของป่าสนเขา
นอกจากนั้น ยังเป็นขุนต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญหลายสายเช่น ต้นน้ำห้วยแจ่มหลวง ห้วยฮ้อม ห้วยอุบ ห้วยนาเกล็ดหอย และห้วยยา อันเป็นห้วยสาขาของแม่น้ำแม่แจ่ม ซึ่งจะรวบรวมน้ำจากห้วยย่อยๆไหลลงไปสู่แม่น้ำปิง ป่าเขาบ้านวัดจันทร์จึงมีความสำคัญต่อระบบลุ่มน้ำแม่แจ่มและลุ่มน้ำปิง อย่างไรก็ตาม การบริหารจัดการพื้นที่ป่าของบ้านวัดจันทร์ก็แยกออกเป็นหลายส่วนรับผิดชอบคือ ป่าอนุรักษ์อยู่ในอุทยานแห่งชาติ ป่าเสื่อมโทรมมีองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) รับผิดชอบการพัฒนา และป่าชุมชนที่ชุมชนร่วมกันอนุรักษ์ไว้เป็นแหล่งไม้ใช้สอยในครัวเรือน
ป่าดิบเขากับชนเผ่าปกาเกอะญอ
ในจำนวน 15 หมู่บ้าน เป็นชาวปกาเกอะญอ(กระเหรี่ยง)เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งมีทฤษฏีการทำกินบนที่ดินแบบหมุนเวียน อันหมายถึงว่า ครอบครัวหนึ่งเปิดพื้นที่ป่าเป็นที่ดินทำกินแปลงหนึ่ง ได้ดินใหม่ปลูกข้าวและพืชผลก็ได้ผลผลิตดี แต่เมื่อทำกินไปสัก 3 ปี ที่ดินแปลงนี้ก็เริ่มลดความอุดมสมบูรณ์ลงไป เขาก็จะทิ้งที่ดินผืนนี้ให้รกเรื้อด้วยวัชพืชและต้นไม้ขึ้นมาปกคลุม อันเป็นการปลดปล่อยอินทรียวัตถุคืนสู่แผ่นดินอีกครั้ง ให้ดินได้มีเวลาฟื้นตัวว่างั้นเถอะ แล้วเขาก็ไปเปิดพื้นที่ดินทำกินอีกแปลงหนึ่ง พอทำกินไปอีก 3 ปีดินก็เสื่อมโทรมลง เขาก็จะทิ้งให้รกเรื้ออีกแปลงหนึ่งแล้วก็ไปเปิดพื้นที่แห่งใหม่อีกแปลงหนึ่งทำกิน
ไร่หมุนเวียนของปกาเกอะญอ
พอทำกินครบ 3 ปี เขาก็ปล่อยที่ดินแปลงที่สามให้รกเรื้อเอื้อต่อการเพิ่มอินทรียวัตถุลงสู่ดิน โดยเขาจะหันไปเริ่มต้นใช้พื้นที่ทำกินแปลงที่หนึ่งทำกินหมุนเวียนกันไปเช่นนี้ ดินก็ได้ฟื้นตัวตามธรรมชาติ การใช้พื้นที่ดินก็จำกัดเฉพาะพื้นที่ไร่หมุนเวียนดังกล่าว แต่ละครอบครัวก็จะประพฤติปฎิบัติเช่นเดียวกัน ซึ่งถือกันว่าเป็นวัฒนธรรมการทำกินอย่างไร่หมุนเวียนแบบปกาเกอะญอ ไร่หมุนเวียนจึงแตกต่างจากไร่เลื่อนลอย(ทำแล้วก็บุกเพิ่มไปเรื่อยๆ)ของชาวไทยภูเขาเผ่าอื่นๆ
ครัวหนานคำ..ร้านเดียวในบ้านวัดจันทร์
รถยนตร์แล่นเข้าถึงอำเภอกัลยาณิวัฒนา หรือบ้านวัดจันทร์ เห็นมีธนาคารสินเชื่อเพื่อการเกษตร(ธกส.)ตั้งอยู่ 1 แห่ง อาคารพาณิชย์ไม่มีเลย มีเพียงห้องแถวไม้สองชั้นบ้าง ชั้นเดียวบ้าง เป็นชุมชนที่ยังบริสุทธิ์อยู่อย่างแท้จริง ชุมชนก็เรียบๆ ไม่มีบ้านที่เป็นตึกรามใหญ่โต แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีบ้านพักให้เช่าอยู่ 3-4 หลัง บรรดาข้าราชการและพนักงานก็เข้าไปจับจองเป็นห้องหออยู่ทำงานกันไปเสียหมด นักท่องเที่ยวหรือผู้ที่หลงทางมา ถ้าคิดจะหาที่พักแรมก็ยากอยู่
บ้านพักบังกาโลกลางตลาดบ้านวัดจันทร์
อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อย่าเพิ่งด่วนตัดสินเช่นนั้น นั่นเป็นเสียงเพรียกจากราวไพร ต้องขอบอกกล่าวกันเลยว่า ท่ามกลางป่าเขาบ้านวัดจันทร์อันทุรกันดาร และห่างไกลจากความเจริญ ยังมี โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ที่ดำเนินการโดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ เข้ามาทำการพัฒนาป่าไม้ที่เสื่อมโทรมตามทฤษฎีของโครงการหลวง มีการทำแปลงสาธิตการปลูกพืชไร่ พืชสวน ไม้ผลยืนต้น และมีการปลูกป่าทดแทนผืนป่าที่เสื่อมโทรม ชาวบ้านมีงานทำมีเงินใช้
ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ออป.บ้านวัดจันทร์
บนถนนสาย บ้านวัดจันทร์-ปาย เป็นถนนลาดยางสองช่องจราจร มีป่าสนสามใบขึ้นทั่วไปบนเขาสูงและเขาต่ำ แต่มีภูมิอากาศหนาวเย็นจัดในหน้าหนาว แม้หน้าร้อนก็ยังเย็นอยู่ในยามค่ำคืน ถ้าอยากไปโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ก็ขับรถยนต์เลยไปทางอำเภอปายอีกราวๆ 5-6 กม. ถึงที่ทำการ ออป.บ้านวัดจันทร์ ซึ่งตั้งอยู่ทางฝั่งซ้ายมือ เป็นเนินเขาเตี้ยๆ มีบ้านพักสำนักงานให้เห็นอยู่ใกล้ๆ ถ้าขับรถยนต์ขึ้นไปบนที่ทำการ จะพบศูนย์บริการนักท่องเที่ยวหลังใหญ่ขวางหน้าอยู่ ติดต่อเข้าพักแบบวอล์คอินก็ได้สำหรับวันธรรมดา แต่ถ้าเป็นวันหยุดหรือวันหยุดนักขัตฤกษ์ หรือช่วงวันหยุดยาวๆควรจองล่วงหน้า
คุณขจิต สุนทรากร
พนักงานขับรถยนต์จะผ่านไปแล้ว ผมร้องขอให้หยุดแล้วเลี้ยวขึ้นไปชมสักหน่อย มายากเย็น ยังไงก็ขอชมไว้ก่อน รถยนต์จอดสนิทผมก็เดินลงไปตั้งท่าถ่ายรูป แล้วก็เดินเข้าไปในร้านสวัสดิการ เพื่อหากาแฟดื่มสักแก้ว
สักครู่ มีหนุ่มวัยกลางคนเดินมา ท่าทางเหมือนเป็นนักวิชาการป่าไม้ ผมคาดคะเนย์ว่า น่าจะต้องเรียนจบมาจากคณะวนศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ แน่นอน เพราะว่า ออป.จะสนับสนุนนักวิชาการป่าไม้จากสถาบันนี้เท่านั้นขึ้นเป็นหัวหน้าโครงการต่างๆ
ผมจึงได้รู้จักคุณ ขจิต สุนทรากร หัวหน้าโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ โทร.081-7726352 E-mail:kajit_watchan@hotmail.com และได้รับข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่พักแรมทาง อันเป็นบ้านสไตล์คันทรี สร้างด้วยไม้สักตัดสางขยายระยะขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้
คุณขจิตเล่าว่า
บ้านฉางข้าว..ใหม่สไตล์ไฮเอ็น
"บ้านพักแรมมีตั้งแต่หลังหนึ่งนอนได้ 2 คน 4 คน 6 คน และ 10 คน แต่รวมๆแล้วสามารถรองรับได้ถึง 70 คน วันธรรมดาก็ว่างมาก วันหยุดเสาร์อาทิตย์ก็มีประปราย แต่ถ้าเป็นช่วงไฮท์ซีซั่นจะเต็มเสียส่วนใหญ่ ต้องจองล่วงหน้าครับ การเดินเข้ามาพักนั้นช่วงเวลานั้นค่อนข้างยาก อย่างไรก็ดี บ้านวัดจันทร์ช่วยให้นักเดินทางไม่ว่าด้วยประการใดๆ ได้อาศัยบรรเทาความฉุกละหุกได้ไม่มากก็น้อย"
โรงอาหาร..น่านั่ง..น่านั่งดื่ม
ผมเดินไปถ่ายรูปร้านสวัสดิการ ห้องอาหารหรือห้องรับรองเวลามีแขก บ้านพักแบบต่างๆ แม้กระทั่งห้องสุขาก็เดินเข้าไปทดลองใช้บริการ ได้เห็นจะจะว่า อาคารบ้านพักอยู่ในระดับไฮเอ็น บ้านพักเหมาะสำหรับนักท่องเที่ยวมีระดับว่างั้นเถอะ แต่ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติประเภทแบ๊กแพ็ค(แบกเป้)ละก้อคงจะไม่ถูกกับอุปนิสัย
บ้านพักขององค์การอุตสาหกรรมป่าไม้(ออป.) หรือโครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ เหมาะสำหรับคนกรุงเทพ หรือกลุ่มที่ชอบความสะดวกสบาย สนนราคาก็ใช่เลย
อารมณ์ขันคนเขียน ..ดูๆ
แต่อย่างไรก็ตาม โครงการก็มีโซนกางเต็นท์ไว้รองรับด้วยเช่นกัน
ผมเดินทางต่อไปยังอำเภอปาย เป้าหมายที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่กรุงเทพมหานคร ตั้งใจไปนอนรีสอร์ทหรู ประเภทที่มีน้ำพุร้อน หรือน้ำแร่ให้ลงอาบได้ ด้วยว่าแม่บ้านอ่านจากหนังสือชื่อ ปาย เล่มหนึ่ง แล้วก็โทรจองล่วงหน้า ซึ่งเป็นวันอาทิตย์ที่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่กำลังเดินออกจากรีสอร์ทกันแล้ว
เฟิร์นริมชายคาโรงอาหาร ระเบียงทางเดินไปสุขา
จึงอยากจะขอบอกนะครับว่า กรุณาทบทวนให้ดีๆ ก่อนตัดสินใจไปนอน เพราะว่าถ้าพิจารณาจากสื่อจำพวกรับโฆษณาเขียนเป็นเล่มๆ และทีวีที่เป็นสปอนเซอร์ละก้อ อาจได้รับข้อมูลเพียงด้านเดียว ที่มีแต่ด้านดีๆ และก็ไม่อัพเดทเท่าที่ควร เปิดเว็บไซท์สำรวจเลยดีกว่า
ทางลงจาก ออป.ไปปาย ตกแต่งด้วยไม้ป่าจากดงดอย
เจอมาแล้ว ห้องเน่าจนเหม็นหึ่ง กลิ่นเหม็นลอยมาจากรูระบายน้ำในห้องน้ำที่ไม่มีแม้กระทั่งฝาตะแกรงดักกลิ่น ซ้ำร้ายประตูห้องน้ำก็ล็อคกลอนไม่ได้ ปล่อยกลิ่นทั้งคืน ซึ่งไม่สมราคา 1,600 บาท(น่าจะสัก 450 บาท) และก็เกือบจะถูกแบล็คเมล์ให้อัพเกรดห้องเป็นห้องละ 3,500 บาท 2 ห้องก็ปาเข้าไป 7,000 บาท
ทางเดินเก๋ เดินเล่นรับอากาศหนาวเย็นและไอหมอก
นี่แหละเมืองปาย สไตล์หรู ก็เจอมาแล้ว รีสอร์ทประเภทสปาแอนด์รีสอร์ทหรูริมแม่น้ำปาย แถวๆตำบลแม่ฮี้
งานนี้แค่เสียดายเงินกับความหวังตั้งใจว่าจะได้นอนอาบหนาวเคล้าน้ำแร่ร้อนๆ ฮ่วย รู้อย่างนี้ จองบ้านพักบ้านวัดจันทร์นอนซะดีกว่าไหม?
ธนาคารสินเชื่อเพื่อการเกษตร(ธกส.)
ปล. ข้อมูลเพิ่มเติม
โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ (ออป.) ดำเนินการปลูกสร้างเสริมป่าโดยองค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ปลูก 100 ไร่ ราษฎรในพื้นที่โครงการฯปลูกปีละ 1,000 ไร่ แบ่งเป็นครอบครัวๆละ 40 ไร่และดูแลรักษาเป็นระยะเวลา 5 ปี(มีรายได้อีก 5 ปี) จนถึงปัจจุบัน ปลูกป่าไปแล้ว ราว 9,400 ไร่ วันนี้ โครงการหลวงบ้านวัดจันทร์ ได้เปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ด้วยบ้านพักสไตล์คันทรี
บ้านพัก ออป.บ้านวัดจันทร์
ทิวทัศน์ก่อนเข้าตัวเมืองปาย ให้อารมณ์ความรู้สึกไหม?