http://www.thongthailand.com
  สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  เว็บบอร์ด  บทความ  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  ข่าวสาร
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 15/03/2009
ปรับปรุง 08/05/2024
สถิติผู้เข้าชม14,045,116
Page Views16,355,424
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 
ท่องเที่ยวทั่วไทยไปทั่วโลก
ศิลปะ วัฒนธรรม ประเพณี วิถีชีวิต และความเชื่อ
รีวิว ร้านอาหาร โรงแรม รีสอร์ทและสปา
  foo&bed
ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature)
บทบรรณาธิการ สกู๊ฟพิเศษ และเรื่องเล่า
ข่าวสาร
http://www.thongthailand.com/index.php?mo=3&art=42365202
 

เสือกลิ่นสาบ ตอน 24.เสือซ่อนเล็บ โดย อินทรี ดำ

เสือกลิ่นสาบ ตอน 24.เสือซ่อนเล็บ  โดย อินทรี ดำ

เสือกลิ่นสาบ 

โดย อินทรี ดำ 

ตอน 24. เสือซ่อนเล็บ       

                      

                  หลังจากมณีอาละวาดเต็มกำลังกับอธิบดีกรมป่าไม้ อธิบดีกรมป่าไม้ผู้เป็น ดร. จบการศึกษาระดับปริญญาเอก จากต่างประเทศเป็นคนแรก ข้าราชการกรมป่าไม้ต่างหวังกันว่า จะได้ "นาย" หัวคิดสมัยใหม่ วิสัยทัศน์กว้างขวาง ชี้นำนักการเมืองผู้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้ และยืนหยัดโดยไม่พลั่นพรึงกับพ่อค้าไม้ผู้มีบารมี "อยู่ที่เงินใต้โต๊ะ"  

                   แต่....อธิบดีกรมป่าไม้ ผู้จบปริญญาเอกคนแรกกลับรับฟังทุกอย่างที่อดีตข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ในป่าไม้เขตแพร่ ผู้ที่ได้รับฉายามากมายจากข้าราชการป่าไม้เขตแพร่ เป็นที่หวั่นเกรงแม้เกษียนราชการไปแล้ว เขาประกอบธุรกิจโรงแรมชั้นหนึ่งของจังหวัด คงความอหังการอยู่อย่างทระนงองอาจ ไปทางไหนข้าราชการป่าไม้มอบกราบราบพนาสูรย์ มิเช่นนั้น อาจถูกเป่ากระหม่อมอย่างพี่ประทวน คังสุวรรณ นักวิชาการป่าไม้ ผู้แกร่งกล้า ซึ่งพบชะตากรรมด้วยปืนลูกซองสั้นทำเองของชาวแพร่ สมองกระจายในเต็นท์ที่ไปดักเฝ้าระวังมอดไม้แถวๆ “ป่าแดง”  

มณีมัวหมองตรองไม่ตกอย่างเมฆหมอกที่ปกคลุม

                  เพียงข่าวแพร่กระจายไปว่า ไอ้มณี ไม่ยอมย้าย เพียงเท่านั้น ควันก็ออกหูคนเช่นพ่ออาจารย์อย่างที่ไม่เคยเกิด ไม่เคยมีใครที่เขาขอให้ย้ายออกแล้วไม่ออก  เขาเดินทางเข้ากรมป่าไม้ ในวันรุ่งขึ้นด้วยเที่ยวบินเดียว เขาพาร่างอ้วนใหญ่โตเข้าไปพบกับดร.อธิบดีผู้เป็นลูกศิษย์ของเขา

                   “เด็กของอุกฤตมัน พ่ออาจารย์ต้องไปคุยกับอุกฤตครับ ผมเรียกมาแล้ว ยกร่างคำสั่งไว้แล้ว จะย้ายมันทันที แต่มันประกาศว่ามันจะไม่เซ็นต์รับคำสั่ง แล้วจะร้องเรียน กพ. ไอ้เด็กคนนี้ มันคงถือว่ามันตระกูลใหญ่ ตระกูลตำรวจทหารมั้ง มันทุบโต๊ะผมโครมๆโดยไม่มีมารยาทจริงๆ พ่ออาจารย์จะเอาอย่างไรก็กรุณาคุยกับอุกฤตนะครับ ผมขอโทษ”   

                    พร้อมกับก้มลงกราบด้วยความกริ่งเกรงใจ พ่ออาจารย์หน้าตึงบึ้งจนแดงกร่ำ ลุกแล้วเดินดิ่งๆไปยังห้องของรองอธิบดีกรมป่าไม้ อุกฤต มหากาฬ ลูกศิษย์อีกคนหนึ่งของเขา

ดร.อธิบดีกรมป่าไม้นั่งเผละลงกับเก้าอี้อย่างหมดห่วง โยนไปให้ไอ้อุกฤต หมดภาระอึดอัดใจไปได้                 

                   ที่กรมป่าไม้ มณีเข้าไปกองอนุรักษ์ต้นน้ำ อันเป็นกองต้นสังกัด ทำธุระที่เกี่ยวข้องในหน้าที่แล้วก็ไปรอขอพบท่านรองอธิบดี อุกฤต มหากาฬ ในช่วงบ่ายแก่ๆ หน้าห้องยิ้มรับแล้วให้นั่งรอ “ท่านมีแขกผู้ใหญ่” พี่แป๊วกระซิบค่อยๆ  มณีดื่มน้ำเย็นที่พี่หน้าห้องยกมาให้รวดเดียวเกลี้ยง และกำลังจะวางแก้วน้ำลงบนจานรองก็ต้องชะงัก ด้วยว่า คนที่ผลักประตูห้องของท่านรองออกมานั้นคือ อดีตป่าไม้เขตแพร่ผู้ยิ่งยง คนดังในแวดวงการป่าไม้และพ่อค้าไม้ อดีตผู้อำนวยการโรงเรียนป่าไม้แพร่ ผู้ควบตำแหน่งจนเกษียนราชการ ป่าไม้เขตแพร่ เขาคือบุรุษผู้ยิ่งใหญ่ “รัชตะ พนมธรรม” ซึ่งใครๆก็เรียกกันว่าพ่ออาจารย์ ใบหน้าบึ้งตึง ปราศจากรอยยิ้ม แล้วเขาก็เดินจากไปอย่างไม่เหลียวหลัง

               มณีวางแก้วลงจานรองแล้วก็ลุกเดินเข้าห้องท่านรองอธิบดีคนซื่อทันที มณียกมือไหว้ด้วยความเคารพ

              “มาก็ดีแล้ว กำลังอยากเจอเลย ล็อคประตู แล้วมานั่งข้างหน้านี่” เสียงใสๆที่เคยใจดีมีเมตตามณีเสมอมาผิดไป วันนี้เสียงเข้ม หน้าดุดัน สายตาที่เพ่งมองมาดูเคร่งเครียด มณีนั่งตามมารยาทที่เคยปฏิบัติตามแบบฉบับคนมีสัมมาคารวะ

               “อาจารย์รัชตะเขามาหา เรื่องของเราเลย เขาไปหาท่านอธิบดีมาก่อน แต่ท่านอธิบดีบอกว่ามณีเป็นเด็กผม ก็เลยมาหาผมอีกที” ท่านรองนิ่งไปชั่วอึดใจ มณีนั่งสบตานิ่งเหมือนรอฟัง

              “ท่านอาจารย์มากล่าวหาว่า มณีโทรไปเรียกร้องเงินทองจากบริษัท ครั้งแรก 60,000 บาท อีกครั้ง 90,000 บาทประมาณนี้ จริงไหม” ท่านรองพูดจบมณีก็หัวเราะขึ้นทันใด

              “หนึ่ง ผมไม่เคยโทรศัพท์ไปหาใครโดยเฉพาะกรณีเรียกร้องเงินทอง สองเงินก้อนดังกล่าว หัวหน้าฝ่ายจัดการป่าไม้ เป็นคนไปเบิกค่าตอไม้มาแจกจ่ายตามหน้าที่  สามในส่วนแบ่งของผมทุกรายการไม่ว่าจากส่วนไหน ผมให้กองไว้ตรงกลางแล้วใช้ เลี้ยงอาหารทุกมื้อทุกวัน ทุกคน รวม 22 คน ซื้อกาแฟเลี้ยงแขก  นอกจากนั้นผมยังสั่งให้ฝ่ายจัดการป่าไม้แจกเบี้ยเลี้ยงพิเศษกรณีออกปราบปรามทุกคน ประการสำคัญผมไม่เคยเบิกเงินกองกลางดังกล่าวมาใช้ส่วนตัวแม้แต่บาทเดียว กระทั่งค่ารถทัวร์ไปกลับกรุงเทพ-น่านครับ”

               ท่านรองฟังไปก็ยิ้มไปด้วย พอมณีพูดจบท่านหัวเราะเสียงดัง ยิ้มจนตาตี่

               “ผมยืนยันอาจารย์ไปแล้ว ว่าน่าจะเป็นเงินค่าตอไม้ และผมก็ยืนยันไปว่า ดูมณีมานับสิบปีแล้ว พัฒนาแต่งาน ไม่มีหยุด คุมเงินงบประมาณด้วยตนเองอำนาจเต็ม หากเป็นคนเห็นแก่เงิน ก็คงจะไม่ทุ่มเททำงานเช่นนั้น”

               “ท่านครับ ผมกราบเรียนด้วยความจริงใจ ผมหวังว่าเนื้องานจะส่งผลให้ผมก้าวหน้า ผมจึงทุ่มเทมาตลอดนับสิบๆปี แต่ท่านเชื่อผมเช่นนี้ ผมต้องกราบขอบพระคุณครับ”

              “มณี ผมก็เลยรับปากกับพ่ออาจารย์ซึ่งเคยสอนหนังสือรุ่นผมมา  สมัยที่คณะวนศาสตร์ยังอยู่ที่จังหวัดแพร่ เรียกว่าวิทยาลัยวนศาสตร์”

                 ท่านหยุดนิ่งยิ้มหายใจคลายเครียดลงไปเห็นๆ ว่า

                 “ผมกับผอ.กองคุ้มครอง และกิตติ ฝ่ายผู้ตรวจ ไปประชุมไกล่เกลี่ยกรณีจับบริษัทให้ที่จังหวัดน่าน สัปดาห์หน้านะ”

                 “ครับ”

                 มณีลากลับ แล้วนั่งรถแท็กซี่กลับบ้าน กลับไปให้ความอบอุ่นกับครอบครัว กลับไปพร้อมกับความหวัง หวังว่าท่านรองอุกฤตจะช่วยแก้สถานการณ์ได้ ไม่ใช่เข้าข้างพ่อค้าที่ใช้อดีตข้าราชการระดับสูงมาวิ่งเต้นเพื่อให้ย้ายมณี

                  รุ่งขึ้น มณีขับรถไปส่งลูกและเมีย พร้อมกับขอยืมรถแม่บ้านไปยังสวนรื่นฤดีที่ซึ่งญาติผู้พี่ นายทหาร จปร. พอ.เสนาะ ....นั่งทำงานอยู่ 

                  “ไง หนักซีมึง รับเงินซะก็หมดเรื่อง ไม่ต้องมาเหนื่อยและต้องระวังตัว” เฮียผู้เมตตาแซว ด้วยรู้นิสัยมณีดีว่าเป็นเช่นไร

                 “ถ้าเป็นเฮีย ผมว่าเฮียก็ไม่ทำ เรามันเลือดไก่ชน จะให้ยอมกับความไม่ถูกต้องนั้นมีหรือ”

                 เฮียหัวเราะ แล้วก็สั่งกาแฟมาให้ดื่มคลายเครียด

                 “เดี๋ยวเฮียจะให้ของดีไป เอากุญแจรถมา” พร้อมกับเรียกจ่านายสิบคนหนึ่งเข้ามา แล้วสั่งการ มณีฟังไม่ถนัดนัก แต่จ่านายสิบตะเบ๊ะแล้วรีบไปดำเนินการตามคำสั่ง

                 “มึงเดินตามมันไป เฮียให้มันแบกลูกปืน M16 ลังหนึ่ง ไปถึงบ้านเทใส่ถุงปุ๋ยแล้วแบกขึ้นรถทัวร์ไปน่าน กล่องลูกปืนเผาทิ้งซะด้วย อย่าไปกลัวมัน มึงไปซ้อมยิงให้มันรู้ว่า มึงก็มีอาวุธสงครามแลกกับมัน ไป เดี๋ยวขั้นตอนเฉ  อ้อ แล้วรอการติดต่อคนของเฮียนะ เขาจะขึ้นไปน่านเร็วๆนี้ จำไว้นะ ผิวดำแดง หนวดเฟิ้ม หัวเถิก เสียงทองแดง ไม่มีชั้นยศ ไม่มีชื่อเสียงเรียงนาม แล้วทำตามที่เขาแนะนำ” 

                  “ครับเฮีย”

                  มณียกมือไหว้ลาแล้วรีบเดินตามจ่านายสิบไปห่างๆ เขาเปิดกระโปรงท้ายรถเก๋งแล้ววางกล่องลูกปืน ปิดประตูหลังแล้วเขาก้มลงไปที่ข้างๆรถด้านคนขับพร้อมกับโยนกุญแจไว้ที่นั่น เขาเดินสวนผมมาแล้วกระซิบบอกตำแหน่งกุญแจรถยนต์ มณีพยักหน้าแล้วก็ก้มลงไปคว้าลูกกุญแจ แล้วก็ขับรถกลับบ้าน ปฏิบัติตามคำสั่งของเฮียทุกประการ  

                 มณีต้องเปลี่ยนแผนการเดินทาง จากนั่งเครื่องบินเป็นนั่งรถทัวร์ มณีชอบนั่งแถวหน้าใกล้ประตูรถทัวร์ ชอบมองดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยๆจนกว่าจะหลับ แต่ทันใด สาเดินขึ้นมาอย่างกระเซอะกระเซิง พอเงยหน้ามณีก็ดึงมือสาให้มานั่งแทนที่ เหยียบถุงปุ๋ยไปตลอดคืน มณีลุกไปนั่งแทนที่ของสาทางด้านหลัง สามองด้วยสายตางงๆ

                “อยากหลับ นั่งนี่แล้วกัน”

                 เช้ามืด รถจอดที่ท่ารถเวียงสา มณีสะกิดสาให้แบกถุงปุ๋ยลงไปด้วย

                 “อะไรครับ หนักจัง” สาถาม มณีนิ่ง จนขึ้นรถเรียบร้อยแล้วจึงเล่าแจ้งแถลงไขให้ฟังว่า มันคือถุงอะไร อ้วนกับสาหัวเราะกันกลิ้ง

                “โฮ่ะ  ถ้าโดนจับ ผมเข้าปิ้งเลยนะนี่” มณีตบหัวด้วยความเอ็นดู 

                มณีโทรศัพท์ขึ้นไปหาญาติผู้พี่ ผู้มีหน้าที่อยู่ในสวนรื่นฤดี ที่เรียกกันสั้นๆว่า สวนรื่น พร้อมกับรายงานเรื่องกล่องลูกปืน M16  เหลืออีกภารกิจหนึ่งที่ต้องรอ

ลูกปืนอะไรไม่รู้ ถ่ายมาจากบอร์ดอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย

                อีกสามวันต่อมา มณีนั่งทำงานที่สำนักพัฒนาป่าไม้ที่นน.2  อำเภอนาน้อย จังหวัดน่าน เซ็นต์เอกสารการเบิกจ่าย การรายงานผลคดี การสั่งการตามกรอบงานในหน้าที่ที่มีอยู่หลากหลายสายงาน  วันนี้ดื่มกาแฟดำไปแล้ว 3 แก้ว

                 บ่าย 14.20 น.มีรถยนต์กระบะบรรทุกขนาด 1 ตัน ขับเข้ามาตามถนนหน้าที่ทำการ สีไข่ไก่ มีกระสอบบรรทุกอยู่กระบะหลัง4-5 ใบ  รถจอดกึกที่โรงรถยนต์ แล้วชายหัวเถิกตามลักษณะที่ “เฮีย” แจ้งไว้เดินเข้ามาที่ที่ทำการ

                “ขอพบหัวหน้ามณีครับ”

                เจ้าหน้าที่สาวเข้ามารายงาน แล้วมณีก็เดินตามออกมาหาชายดังกล่าว มณีรับไหว้แล้วเดินออกไปยังมุมหนึ่งของสนามหญ้าหน้าที่ทำการ ไกลพอที่จะไม่มีใครได้ยินเรื่องที่จะคุยกัน ไม่มีใครอยู่ใกล้ๆ ไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นใคร

                “นายสั่งให้ผมเข้ามาดูแลหัวหน้าครับ” ชายผู้นี้ตรงตามลักษณะที่เฮียสั่งไว้ทุกประการ ซึ่ง มณีจำได้แม่นว่าผิวสีทองแดง หัวเถิก หนวดเฟิ้ม เสียงทองแดง แต่ไม่รู้ชื่อ ไม่รู้ชั้นยศ มณีพยักหน้ารับ แล้วรอฟังทุกอย่างที่เขาแจ้งให้ทราบ

                “หัวหน้าทำงานปกตินะครับ ผมและทีมงานจะไม่ติดตามหัวหน้า แต่จะ “ประกบคนของเขา”  ตั้งแต่อุตรดิตถ์ พิษณุโลก  แพร่และน่าน” เขาหยุดพูดแล้วมองสบตามณีเหมือนยิ้มๆ

                “หัวหน้าเคยไปฟังเพลงที่ไหนก็ไปตามปกตินะครับ ถ้าผมมีอะไรผมจะติดต่อที่”บ้าน”

               ชายไร้ชื่อหัวเถิกหนวดเฟิ้มและเสียงทองแดงลาจากไปด้วยกริยาสุภาพ มณีเดินเข้าสำนักงานเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น สมชายมองด้วยท่าทีสงสัยและขี้เล่นเช่นเคย

               “ใครน่ะพี่ มีเด็กมาเสนอหรือไง แอบไปเสียไกลผู้ไกลคนเชียว” แล้วก็หัวเราะตามวิสัยปกติ คนอื่นๆในสำนักงานก็เลยหัวเราะตามกันไปหมด มณียิ้มกว้างแล้วตอบ

               “ไม่มีอะไร เพื่อนฝากข่าวมาให้ ก็เลยแวะมาหา” มณีเดินหลบเข้าห้องทำงาน แต่กลับเดินออกมาแล้วชะโงกหน้าออกมาตะโกน

               “กาแฟดำแก้ว”

               “แก้วที่สี่” เสียงขานรับพร้อมๆกัน

                แล้วก็ผลุบเข้าห้องไปนั่งเซ็นต์เอกสารต่อไป มณีรู้สึกอบอุ่นใจมากขึ้น ความรู้สึกหวาดๆ เสียวๆ กับกรณีที่ได้รับแจ้งว่า มีค่าหัวหายไป 

                 คืนนั้น มณีให้สาขับรถไปส่งที่ในเมืองเหมือนเคย ไปเฝ้านักร้องเสียงเขย่าหัวใจให้สั่นคนเดิม นั่งกินน้ำเปล่าเคล้าเสียงเพลง แต่..มณีระแวดระวังตัวมากขึ้น เขาเดินเข้าไปเลือกนั่งโต๊ะในสุด มุมห้องที่หันหน้าเห็นว่าใครเข้าประตูร้านมาบ้าง สาดื่มเบียร์ตามความชอบ ดึกสงัด ตีสองร้านเลิก มณีนั่งรถกลับไปที่”บ้าน” สานอนเฝ้าอยู่หน้าห้องพร้อมปืนลูกซองสั้นทำเอง  ส่วนมณีก็เข้านอนตามปกติ  ปกติที่ถ้าอารมณ์ดี ไฟรักก็จะลุกโชน  ด้วยความระทึก  

                     คืนนั้นกว่าจะหลับตาลงได้ก็แทบอ่อนแรงคาอก ถึงอย่างนั้น มณีก็เหน็บสมิทธิ์แอนด์เวสต์สัน .38 ใส่กระสุนเต็มไว้ข้างเตียงนอน 

      

หลังเมฆหมอก ฟ้ามักสดใส

  

Tags : เสือกลิ่นสาบ ตอน 23.ไม้หลักปกัขี้เลน เรื่องสั้น..เรื่องยาว..ชาวดง

 
 หน้าแรก  บทความ  ข่าวสาร  รวมรูปภาพ  ติดต่อเรา  เว็บบอร์ด

อัตราค่าโฆษณา    

แบบเนอร์ กลางหน้า.  ขนาด 800 x 400-600 พิกเซล เห็นหน้าแรก  5,000 บาท/เดือน

แบนเนอร์ เหนือโลโก้เว็บไซต์ ขนาด 1000 x 80 พิกเซล เห็นทุกหน้า 4,000 บาท/เดือน

 แบนเนอร์ ซ้าย  ขนาด 240 x 120-160 พิกเซล เห็นทุกหน้า 3,000 บาท/เดือน

ทำข่าวแถลง รีวิวโรงแรมและร้านอาหาร  เขียนสารคดี เชิญได้โดยตรงที่ โทร.081-9416364

ติดต่อ 135 ม.12 ต.กำแพงแสน อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม 73140

 
view