ธรรมชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช...มีคุณ(nature) > ฟื้นฝอยหาตะเข็บ โครงการพิเศษ “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ” [Engine by iGetWeb.com]

�

�� ฟื้นฝอยหาตะเข็บ� โครงการพิเศษ “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ”

�

��ด้วยความมุ่งหมายที่เข้มข้น� รัฐบาลยุค นายชวน หลีกภัย ได้เริ่มต้นโครงการพิเศษที่เรียกว่า “โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติอันเนื่องมาจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 พ.ศ.2537-2541” เป้าหมายคือการปลูกป่าในพื้นที่ป่าอนุรักษ์เสื่อมโทรม 5 ล้านไร่ จากวันนั้นจนถึงวันนี้(พ.ศ.2550)� โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติยังก้าวเดินไปอย่างเชื่องช้า� ไร้ทิศทางที่แน่นอน� หมดความหมายของคำว่า “โครงการพิเศษ”โดยสิ้นเชิง

�� นิยามของคำว่า โครงการพิเศษ หมายถึงโครงการที่เกิดขึ้นเพื่อกิจกรรมเร่งด่วน มีกำหนดเวลาชัดเจน� เป้าหมายแน่นอน� ผู้จัดการโครงการพิเศษได้รับดาบอาญาสิทธิ์� เพิ่มกฎกติกาเพื่อให้เกิดความคล่องตัว� รวดเร็ว� มีประสิทธิภาพ� ทวีประสิทธิผล� แต่คุณภาพเยี่ยม� เสียงสะท้อนกลับดี� เป็นที่ยอมรับของประชาชนและผู้ร่วมโครงการ

��
�� ป่าอุดมสมบูรณ์

�� โครงการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติก็เข้าลักษณะโครงการพิเศษ มีเป้าหมายให้เกิดการปลูกป่าฟื้นฟู่ป่าเสื่อมโทรมจำนวน 5 ล้านไร่ ตั้งแต่ปีพ.ศ.2537-2541 รวม 5 ปี� โดยแบ่งพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมออกเป็นแปลงๆ(FPT=Forest Plantation)ทั่วประเทศ แล้วให้เอกชนผู้สนใจจับจองและร่วมเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการปลูกป่าปีที่ 1 และบำรุงรักษาสวนเดิมต่อไปอีก 2 ปี รวมเป็นเงินไร่ละ 3,000 บาท มูลค่าโครงการ 15,000,000,000 บาท

�� โดยมีหลักเกณฑ์การปลูกป่าไร่ละ 100 ต้น วิธีการปลูกต้องไม่มีการแผ้วถางป่าและเผา จึงใช้การเจาะช่องแล้วปลูกและบำรุงด้วยการดายวัชพืชปีละ 3 ครั้ง มีการทำแนวกันไฟป่าและทางตรวจการณ์ ตามหลักวิชาการปลูกป่าของกรมป่าไม้ทุกประการ รวมความว่าพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมจำนวน 5 ล้านไร่จะได้ครบในปีที่ 5 พ.ศ.2541เพื่อถวายในหลวงที่ทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 อันเป็นของขวัญให้ “พ่อ” ของแผ่นดิน

��
�� ต้นไม้ป่าดงดิบอุ้มน้ำ

�� ในการบริจาคเงินทำได้สองส่วนคือ� ส่วนที่หนึ่ง ผู้ร่วมโครงการบริจาคเงินเข้ากองทุนปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ� กองทุนจะส่งต่อไปยังหน่วยงานของกรมป่าไม้(ในอดีต) ดำเนินการปลูกป่าตามเจตนารมณ์ของผู้บริจาค� ส่วนที่สอง ผู้ร่วมโครงการดำเนินการปลูกป่าด้วยตนเอง แต่มีพี่เลี้ยงเป็นเจ้าหน้าที่หน่วยงานที่รับผิดชอบ ซึ่งบริษัทเอกชนที่ร่วมดำเนินการในส่วนที่สองก็มีเช่น ป.ต.ท.�� ก.ฟ.ผ.� ก.ฟ.ภ.� ก.ป.น.� ส่วนใหญ่เป็นรัฐวิสาหกิจรายใหญ่� เอกชนแท้ๆก็เช่นบริษัทเจริญโภคภัณฑ์� ฯลฯ

�� แต่ในที่สุด� โครงการพิเศษที่หวังผลคืนป่าสู่แผ่นดิน 5 ล้านไร่ถวายเป็นราชสักการะในวโรกาสในหลวงทรงครองราชย์เป็นปีที่ 50 ก็ไปไม่ถึงดวงดาว� กรมป่าไม้และกรมอุทยานแห่งชาติฯจึงต้องปรับโครงการเป็นระยะที่ 1-2-3� (2537-2550) ที่ภารกิจคือการปลูกป่าเพิ่มเติมด้วยงบประมาณแผ่นดินและบำรุงรักษาสวนป่าที่อายุเกินกว่า 3 ปีจนถึงปีที่ 10 ซึ่งรับมอบมาจากภาคเอกชนที่ร่วมโครงการ ด้วยความคาดหวังจะให้ต้นไม้ที่ปลูกรอดตาย

��
�� บุกรุกทำไร่เลื่อนลอยและอยู่อาศัย

�� กรณีศึกษา “โครงการพิเศษ”ลักษณะนี้จึงเป็นบทเรียนราคาแพงที่รัฐบาลใดก็ตาม� คิดได้แต่ทำไม่ได้� แล้วนำมาเสนอต้องพึงสังวรให้จงหนัก� ใครที่ประกาศตูมๆให้สื่อขยายความว่าจะปลูกป่าถวายตามพระราชเสานีย์ 2 ล้านไร่กรุณาพิจารณาให้ถ่องแท้ก่อนพูดคงดี� ก็อย่างที่ชอบกล่าวถึงกัน “พูดแล้วคำพูดเป็นนาย” �นี่เป็นบทเรียนอีกบทหนึ่งที่ทำโดยมิได้มีการศึกษาวิจัยความเป็นไปได้ของโครงการ

�� น่าเสียดายที่เจตนารมณ์การคืนป่าสู่แผ่นดิน 5 ล้านไร่ โดยเฉพาะพื้นที่ป่าอนุรักษ์ที่เสื่อมโทรม เพื่อถวายเป็นการเฉลิมฉลองที่ในหลวงทรงครองราชย์เป็นปีที่� 50�� ซึ่งระยะเวลาที่ผ่านมานี้มีการปลูกป่าแล้วโดยภาคเอกชนและงบประมาณแผ่นดินรวมทั้งสิ้น 2,634,554 ไร่(พ.ศ.2550)� แต่มีพื้นที่ป่าเสื่อมโทรมเหลืออยู่อีก 2,377,279 ไร่ยังไม่ได้ปลูก �พื้นที่ที่เหลืออยู่เหล่านั้นอยู่ในเขตป่าอนุรักษ์ประเภทอุทยานแห่งชาติ� เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และป่าต้นน้ำลำธาร� เขาจะจัดการกันอย่างไร

��

�� สวิสเซอแลนด์เมืองไทย สวยแต่ป่าเสื่อมโทรม

�� มีแนวคิดเรื่องความพยายามที่จะถวายผืนป่าดังกล่าว 5 ล้านไร่ในปีที่ในหลวงทรงครองราชย์เป็นปีที่ 60 (2550) �โดยโมเมว่าพื้นที่ที่เหลืออยู่ 2,377,279 ไร่เป็นการปลูกด้วยการปล่อยให้มีการสืบพันธุ์ตามธรรมชาติ (Natural� regeneration)� อันไม่รู้ว่าเมื่อใดจึงจะคืนเป็นป่าได้ (ยิ่งกว่าเอาสีข้างเข้าถู) งบประมาณจะถูกย่อยไปทีละปีๆอย่างยั่งยืน� เป็นแนวคิดที่จนตรอกจนกระทั่งกลบและฝังความสวยงามของป่าที่จะฟื้นตัวอีกครั้งอย่างถาวร

�� 
�� สูงชันอันตราย
��
�� ที่ร้ายที่สุด� ถ้าจะนำป่าปลูกดังกล่าวถวายเป็นราชสักการะดังที่กำลังพยายามจะทำกันนั้น� เป็นการสมควรหรือไม่ เป็นการกราบบังคมทูลความเท็จ(เหมือนอธิบดีกรมป่าไม้คนหนึ่งชอบทำ)ต่อองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอันเป็นที่เคารพรักยิ่งของปวงชนชาวไทย� จะบังอาจขนาดนั้นเชียวหรือ� ทางออกน่าจะต้องไตร่ตรองผ่านประธานคณะองคมนตรีเพื่อความเหมาะสมก่อนน่าจะดีกว่าหรือไม่?

�� แต่ถ้าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จ(ปลูกป่า) ครบ 5 ล้านไร่ ด้วยการปลูกป่าอีก 2,377,279 ไร่ ๆละ 3,000 บาท(ปีที่1-3) เป็นเงิน� 7,131,837,000 บาท บำรุงรักษาสวนป่าอายุ 4-6 ปี ไร่ละ 680 บาท เป็นเงิน 1,616,549,720 บาท� อายุ 7-10 ปีไร่ละ 330 บาท เป็นเงิน 784,502,070 บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 9,532,888,790 บาท� (เมื่อป่าปลูกอายุถึง 10 ปี )

��
�� ต้นน้ำลำธารสายเล็กๆ หลายหมื่นสายเป็นแม่น้ำใหญ่

�� ความน่าห่วงใยในการปลูกป่าถาวรเฉลิมพระเกียรติ� ปลูกป่ารักษาต้นน้ำ� ล้วนปลูกในพื้นที่เสื่อมโทรมในป่าอนุรักษ์เป็นส่วนใหญ่� ซึ่งเป็นส่วนที่ต้องซ่อมป่าขึ้นมาใหม่ให้ได้เพราะว่าป่าต้นน้ำเหล่านั้นมีผลกระทบสูงต่อระบบน้ำในประเทศไทย� การเอาจริงเอาจังจึงต้องมุ่งเน้นด้วยความโปร่งใส� เพื่อให้ได้เนื้องานที่มีคุณภาพและประหยัดงบประมาณ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องสำคัญยิ่งยวด�� โดยเฉพาะโครงการพิเศษอันเนื่องมาจากในหลวงหรือพระราชเสาวนีย์ของสมเด็จพระบรมราชินีนาถ

�� อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ,สัตว์ป่าและพันธุ์พืช ต้องบริหารจัดการด้วยตนเองเสมอยิ่งชีวิต� ใครผิดต้องเอาให้ถึงตายดีไหม?

�