ตำรับอาหารสมุนไพรใกล้ตัว
ตอน5. หัวปลีชุบไข่ทอดจิ้มน้ำพริกมะขาม
ลุงดำ คำโต
บ้านผมปลูกกล้วยน้ำว้าไว้ 100 ต้น/กอ จึงเหมือนมีซุปเปอร์มาร์เก็ตไว้ในรั้วบ้าน ต้นไหนออกปลีผมก็รี่ไปแอบดักถ่ายรูปนกกินปลี แต่ก็ไม่ได้จังหวะตรงกันสักที พอปลีกล้วยออกลูกกล้วยจนหมดแม็กซ์แล้ว ผมก็ตัดปลีลงมากินซะตามธรรมเนียมปฏิบัติ ตัดลงมาแล้วก็ค่อยมาคิดดัดแปลงวิธีจะกินเจ้าหัวปลีจากกล้วยน้ำว้าดู
ผมเคยเผาหัวปลีจนสุก ฉีกออกมากินทันที หวานหอมเหลือใจ แล้วก็เอาไปใส่ต้มข่าไก่ ซดน้ำเปรี้ยวๆเค็มๆโฮกฮือ ครั้นจะหั่นไว้กินกับผัดไทยหรือก็เรื่องจ้อยเกินไป ทั้งๆที่หัวปลีนี้สามารถดัดแปลงทำอาหารได้หลากหลายไม่น้อย เช่นชุบแป้งทอด ตำกับทอดมันทอดอร่อย แต่มานึกได้ตรงที่ได้กลิ่นน้ำพริกกะปิในถ้วยเก่าข้างอ่างล้างจาน โอ้ คิดออกแล้ว
ผมเทน้ำส้มสายชูใส่ในชามแล้วเติมน้ำลงไปจนเต็ม ผ่าหัวปลีออกเป็น 8 ส่วนย่อยๆ แล้วแช่ในน้ำส้มสายชู 15 นาที ผลที่ได้คือ หัวปลีไม่ดำเหมือนตอนไม่ได้แช่น้ำส้มสายชู ได้หัวปลีหั่นฝอยก็ตอกไข่ไก่ใส่ลงไป 3 ฟอง คลุกเคล้าจนเข้าที่ก็ตั้งกระทะบนไฟกลางค่อนข้างอ่อน น้ำมันเดือดแล้วก็ค่อยทยอยเทหัวปลีหั่นฝอยชุบไข่ลงไปทอด จนสุกเหลืองน่ากินก็ตักขึ้น
ผมหันไปยกครกมาตั้งแล้วก็แกะกระเทียม 5 กลีบ โรยเกลือลงไปนิด ตำคลุกกันจนแหลก ใส่พริกขี้หนูสด 9 เม็ด พร้อมกะปิเท่าปลายนิ้วโป้ ใส่ฝักมะขามอ่อนจากข้างรั้วลงไป 3 ฝักเล็กๆ กะว่าพอเปรี้ยวนวลๆ โขลกรวมกันจนแหลกละเอียด ลองชิมดูว่าเปรี้ยวนำนิดๆ เค็มตามหน่อยๆ เติมน้ำตาลทรายไปเท่าปลาก้อย พอว่ามีรสอมหวาน ก็แค่นี้เอง ได้กินแล้ว
เคยลองทำกินกันไหมครับ หัวปลีหั่นฝอยชุบไข่ทอดอย่างชะอมชุบไข่ทอด หอมอร่อยแต่ไม่มีกลิ่นฉุนๆอย่างผักชะอม ว่ากันว่าหัวปลีนี้คนโบราณบ้านเรากินตอนคลอดลูกใหม่ๆเพื่อให้มีน้ำนมเยอะๆ ทั้งนี้ก็ด้วยคุณสมบัติของหัวปลีซึ่งมีแร่แคลเซี่ยมสูงกว่ากล้วยสุกถึง 4 เท่า นอกจากนั้นก็ยังมีโปรตีน เหล็ก ฟอสฟอรัส วิตามินซี เบต้าแคโรตีน หัวปลีมีสารจำพวกSteroid และ Triterpene นอกจากนี้ หัวปลีเผายังนำไปต้มน้ำดื่มแทนน้ำชาแก้โรคเบาหวานอีกด้วย
ต้มยำหัวปลีใส่ใบมะขามอ่อน ซดน้ำอีกสักชาม