สิบสองปันนาหงส์ฟ้าพญามังกร
ตอน 4. พาราณาสีโชว์ อลังการสีสันการแสดง
โดยอึ้งเข่งสุง เรื่อง/ภาพ-ธงชัย เปาอินทร์
ค่ำคืนนี้ไม่มีแสงดาวพราวฟ้า ทั้งเดือนและดวงดาวถูกเมฆหมอกไล้โลมจนสิ้น อากาศช่วงหนาวแม้ไม่หนาวจัด ค่ำลงก็เป็นเช่นที่ธรรมชาติบันดาลให้ หลังอาหารค่ำที่ยังคงเอกลักษณ์ด้วยอาหารพื้นเมืองไทลื้อผสมผสานนิดๆด้วยผัดผักใบเขียว นึ่งปลาน้ำจืดและอบกุ้ง(เล็ก)ของชาวฮั่น(จีน) อิ่มหนำสำราญกันตามสมควรแล้วก็ต้องรีบเดินทางต่อไปตามรายการที่ระบุเวลาชัดเจน
19.00 น. ต้องไปชมการแสดงโด่งดังชื่อ พาราณาสี โชว์
พิธีกรสาวไทลื้อ นกยูงรำแพน
รถทัวร์สิบสองปันนาพร้อมมัคคุเทศน์สาวคนเดิม วิ่งผ่านเมืองที่ยังมีทั้งแสงไฟตามร้านค้าและไฟประดับตามถนน ผู้คนที่แยกได้ว่ากลุ่มไหนเป็นชาวสิบสองปันนาและกลุ่มไหนเป็นนักท่องเที่ยวจากต่างแดน ดูได้จากหน้าตาและเครื่องแต่งกาย รถจอดสนิท ไกด์สาวทำหน้าที่เล่าขานให้เข้าใจว่า โรงละครแห่งนี้เปิดการแสดงโชว์พาราณาสี คืนละกี่รอบ ราคาค่าทัวร์ชมจะถูกกว่าราคาที่นักท่องเที่ยวไปจองโดยตรง หล่อนแจ้งให้พวกเราเดินไปรอที่หน้าโรงเหมือนไปรอที่โรงหนังบ้านเรา เธอจะไปเอาตั๋วมาให้
แต่แตกต่างกันตรงที่ว่า เมืองสิบสองปันนาไม่ห้ามหรือแบ่งเขตการสูบบุหรี่
ความอุดมสมบูรณ์ของพืชพันธุ์ ดอกไม้และแมลง
มีนักท่องเที่ยวหลายกลุ่ม ชาวไทยจากเมืองไทยมากสุด แต่ถ้าเป็นฝรั่งอั้งม้อก็จะเป็นผู้สูงอายุมากกว่าคนหนุ่มคนสาว ส่วนนักท่องเที่ยวจากชาติเอเซียอื่นๆ ดูประพิมประพายคล้ายๆเกาหลี หรือญี่ปุ่น มีนักท่องเที่ยวกลุ่มใหญ่เป็นคนจีนในประเทศจีน ซึ่งอาจจะมาท่องเที่ยวจากเขตการปกครองอื่นๆ กลุ่มนี้แหละที่ทำให้ข้อกำหนดเรื่องวันงดสูบบุหรี่โลกเหี่ยวเฉาไปเลย
ชุดหลากสีสันของชนเผ่า
พ่นควันกันคละคลุ้งไปทั่ว แต่มีนักท่องเที่ยวไทยรู้ทันหรืออย่างไรไม่ทราบ ใช้ผ้ากันการระบาดของโรคปิดปากและจมูก ทัวร์เราไม่มีแจกและไม่ได้เตือนกันก่อน ก็เลยได้สูดอากาศที่ปนเปื้อนด้วยควันบุหรี่เข้าไปเต็มๆ ผมเองพอได้กลิ่นควันบุหรี่ก็หวลนึกถึง "เตี่ย" ที่วันทั้งวัน นั่งเอ้อระเหยอยู่ริมหน้าต่าง พ่นควันบุหรี่ตราพระจันทร์โขมง แม่ก็ได้แต่มองค้อนขวับๆ พ่นจนได้เรื่อง เป็นวรรณโรคปอด หมดเงินรักษาไปหลายสตางค์
"กูเกลียดเตี่ยมึงเรื่องเดียว สูบบุหรี่ทั้งวัน กลางคืนก่อนนอนก็ยังสูบ" ผมก็เลยไม่สูบบุหรี่เพื่อแม่มาจนกระทั่งถึงวันนี้
ชุดสวยด้วยสีสันและการออกแบบ
พอหมดรอบ นักท่องเที่ยวที่ชมแล้วกำลังทยอยออกจากโรง พวกเราก็กรูกันจนแน่นอยู่หน้าประตู ไม่ใช่ว่าอยากรีบเข้าไปดูอะไรนักหนาหรอก แต่หนีควันบุหรี่กันจ้าละหวั่น ตั๋วที่นั่งจัดไว้เป็นระเบียบเรียบร้อย แต่มีอยู่แถวหน้าสุด มีบริการพิเศษกว่าแถวนั่งอื่นๆ มีน้ำดื่มและดอกไม้ต้อนรับ ค่าชมก็คงต้องแพงกว่าด้วย
อย่างไรก็ดี เมื่อถึงช่วงแสดงโชว์ แถวนั่งสองแถวพิเศษที่ว่านี้ก็ได้รับการต้อนรับพิเศษกว่าด้วย อะไรหรือ?
สุดคำบรรยาย...สวยเหลือเกิน
พิธีกรสาวชาวไทลื้อ สวยสอางค์เอวบางร่างน้อยและสมส่วน เธอมีทุกอย่างที่ผู้หญิงอยากมี เสียงใสๆประกาศผ่านไมค์ด้วยท้วงทำนองไพเราะ แม้ว่าภาษาที่เธอกล่าวถึงจะฟังไม่รู้เรื่อง แต่ก็รู้ว่า การแสดงที่ยิ่งใหญ่กำลังจะเริ่มขึ้น สิ้นเสียงหวานๆใสๆเธอก็ย่อตัวแล้วก้าวหลบเข้าฉากไปในทันใด ผมได้แต่รอว่าเมื่อไรเธอจะออกมาให้เห็นหน้าอีกหนอ สวยอะ
พระพุทธเจ้ากับพญามาร
เสียงดนตรีดังกระหึ่ม เมื่อนักแสดงร่ายลีลาอย่างพลิ้วไสว สีสันที่สวมใส่แต่ละชุดสุดอลังการ มันคือการออกแบบที่เน้นความโดดเด่นของชนเผ่า มันคือเรื่องเล่าถึงวิถีชีวิตและวัฒนธรรมชาวไทลื้อ และอีกหลายๆฉากก็ยังเป็นเรื่องที่อวดความสะสวยของชนเผ่า ก็อย่างที่ได้เคยเล่าไปในตอนก่อนแล้วว่า
สิบสองปันนาเป็นเขตปกครองตนเองของชาวไทลื้อ และ 13 ชนเผ่าที่อยู่ร่วมกันแม้ต่างอารยะธรรมวิถีชีวิตความเป็นอยู่
องค์พระราชาแห่งมวลบุปผาอะร้าอร่ามตา
ความแตกต่างในเรื่องราวของแต่ละชนเผ่าจึงถูกลิขิตออกมาเป็นดนตรี เครื่องแต่งกาย ศิลปะการแสดง และความฉับไวได้อารมณ์ ไม่อืดยืดยาดจนน่ารำคาญ ไม่ผิดพลาดแม้มีฉากโลดโผนโจนทะยาน ไม่มีผิดคิวว่างั้นเถอะ ทุกอย่างได้สั่งสมมาจากการฝึกฝนเยี่ยงชนชาติจีน ทักษะ ความชำนาญ ลักษณะที่โดดเด่น และสื่อความหมายได้อย่างชาญฉลาด โคตร โคตร
เห็นไหมครับว่า สวย
การแสดงแต่ละฉากมีเรื่องราวเล่าขาน เป็นตำนานจริงแต่เสริมแต่งด้วยการออกแบบการแสดงที่สื่อความหมายได้อย่างยิ่งใหญ่อลังการ เช่นการเข้ามาของพระพุทธศาสนา การต่อสู้กับพญามารของพระพุทธเจ้า การแสดงถึงวิถีชีวิตของแต่ละชนเผ่า การสำแดงให้เห็นว่าเมืองสิบสองปันนามีอะไรโดดเด่น เช่นฉากหนึ่งนักแสดงแต่งองค์ทรงเครื่องด้วยกล้วย ก็เพราะว่าสิบสองปันนาเป็นเมืองเดียวในประเทศอภิมหามหากาฬ ปลูกกล้วยหอมได้เพียงแห่งเดียว มองไปทางไหนก็เห็นแต่ดงกล้วยๆๆๆ
การแสดงออกถึงศิลปะวัฒนธรรมของชาวไทลื้อเรื่องกลองยาว ตอนกลางวันเราเห็นกลองยาวตั้งอยู่ริมถนนในตัวเมือง ตกกลางคืนกลายเป็นไฟประดับถนนรูปกลองยาว แต่ในโชว์พาราณาสีอันยิ่งใหญ่ เราได้เห็นการละเล่นของเหล่านักแสดงที่ใช้กลองเป็นองค์ประกอบหนึ่งในฉากนั้น ยิ่งใหญ่ ครึกครื้น และรื่นรมณ์ สีสันเครื่องแต่งกายทั้งชายหญิงสดสวยจริงๆ
กลองยาวกับลีลาที่นำเสนอ
ส่วนการแสดงถึงศิลปะวัฒนธรรมด้านเครื่องนุ่งห่มของชนเผ่าอื่นๆก็ถูกนำมาผสมกลมกลืนในการแสดง แม้กระทั่งสรรพสัตว์ที่เคยมีและยังมีอยู่ในสิบสองปันนาก็ถูกหยิบมาแสดง โดยเฉพาะนกยูงแสนงาม ซึ่งชาวไทลื้อถือกันว่าเป็นสัตว์มงคล เป็นสัตว์ที่เป็นสัญลักษณ์หนึ่งของชาวไทลื้อเช่นเดียวกับชาวล้านนาของประเทศไทยตอนบน นกยูงจำหลักจึงเห็นได้ทั่วไปตามหน้าบันวัด หน้าบันอาคารสิ่งก่อสร้างทั้งในตัวเมืองและชานเมือง
เฮ้อ..ไม่อยากกลับบ้านเลยจริงๆ
ฉากที่เรียกเสียงปรบมือได้อย่างกึกก้อง เป็นฉากกายกรรม อันเป็นศิลปะชั้นยอดของประเทศจีน เป็นการแสดงที่เคยเห็นจากหน้าจอทีวีหลายครั้งหลายหน เห็นการแสดงจริงก็หลายครั้ง แต่เมื่อถูกนำมาผสมอยู่ในการแสดงโชว์พาราณาสี เพื่อบอกเล่าเรื่องว่า ไม่ว่าเมืองใดในประเทศนี้ ศิลปะประเภทกายกรรมมีอยู่ทุกหัวระแหง บอกให้รู้ว่าทักษะและการฝึกฝน สุดยอด
ถ้าจะกล่าวนำการแสดงกายกรรม น่าจะกล่าวว่า "ต่อไปนี้ เป็นการแสดงของคนไร้กระดูก" 5555
ทุกครั้งที่สิ้นสุดการแสดงแต่ละฉาก บอกเล่าแต่ละเรื่องราว ได้ยินเสียงปรบมือดังกึกก้องทุกรอบ แสงไฟแฟลชจากกล้องพริบพราย แต่ก็ไม่มีใครเสียมารยาทลุกขึ้นยืนถ่ายรูปเลย และก็ไม่ได้กลิ่นควันบุหรี่อีกเลย นั่งดูจนตัวแข็งทื่อ จ้องมองจนตาแทบถลนออกนอกเบ้า ข้อมือเกร็งเพื่อจะพยายามถ่ายรูปให้ได้ภาพนิ่งไม่ไหวหรือสั่น แม้ว่าที่นั่งจะนั่งไม่ค่อยสบายนัก และก่อนเข้าชมก็ต้องผจญกับวัฒนธรรมการสูบบุหรี่แบบโลกนี้ ข้าคือเจ้าโลก
ยืนยันได้จากการทิ้งก้นบุหรี่ก็แสดงให้เห็นว่า ข้าคือเจ้าโลก
ฉาก-ชุด-ลีลา-แสง-สี มืออาชีพพันธุ์แท้
อารมณ์เบิกบานและรื่นรมณ์สมใจ ไม่เสียเที่ยวที่ได้มาชม และได้ภาพสวยเท่าที่ฝีมือจะถ่ายทอดออกมาได้ ไม่สวยสุดยอด แต่ก็สื่อสารได้ว่า พาราณาสี มีดีให้อวดจริงๆ ที่สิบสองปันนา หงส์ฟ้าพญามังกร ฉากเยี่ยมเปลี่ยนได้ฉับไว สีสันตระการตา เข้ากับเนื้อเรื่องได้เยี่ยม นักแสดงสวยงาม แกร่ง เก่ง คล่อง มีความสามารถชวนชม แสงสีเสียงต้องยอมรับเลยว่าเข้าระดับมาตรฐานสากล ไม่ล้งเล้ว ไม่เอื่อยๆ แต่ฟังแล้วได้อารมณ์กลมกลืน
อลังการสุด สุด สุด
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกำกับการแสดง หาที่ติไม่ได้เลย
ขอขอบคุณ แม่โขงเดลต้า เรือสัญชาติไทยลำแรกและลำเดียวของหญิงไทยชาวล้านนาเจ้า แม่เลี้ยง ผกามาศ เรียร์รา