หลวงพระบาง:ตอน2. บนเส้นทางทรหด มีความงดงาม
โดย ธงชัย เปาอินทร์-เรื่อง-ภาพ
ไหว้พระธาตุหลวงเวียงจันทน์ ได้มงคลใส่หัวแล้วรู้สึกสบายใจ ก็ได้มาถึงประเทศลาวแล้วได้ไหว้พระบรมธาตุสำคัญสูงสุดของเมืองลาว ต่อไปนี้จะเดินทางไปทางไหนก็มีแต่ความสุขสนุกสบาย หายห่วงเรื่องผิดที่ผิดทาง แต่ถ้าไปผิดผีด้วยกายกรรมแล้วละก้อ ได้เรื่องได้คดี ถ้าเป็นเช่นนั้น บุญบารมีของพระธาตุหลวงเวียงจันทน์ก็คงช่วยไม่ได้ ต้องยื่นประกันแทนครับ
โปรดจำไว้ ผิดที่ได้แต่อย่าไปผิดผีก็แล้วกัน
ชนบทลาวคล้ายคลึงกับบ้านเราไหม แต่ภูมิทัศน์งดงามกว่า
บริษัทนำเที่ยวไทยส่งผ่านความรับผิดชอบทั้งปวงให้กับมัคคุเทศน์ลาว ไกด์สาว ไก่คำ ไข่คำพิทูน เจ้าเดิม แต่เปลี่ยนชุดเครื่องนุ่งห่มทุกวัน เมื่อเธอนำพาพวกเราขึ้นรถปรับอากาศลาวได้ ก็ออกเดินทางกันไปตามถนนหลวงสาย เวียงจันทน์ถึงวังเวียง(และสิ้นสุดที่หลวงพระบาง) ไกด์สาวเล่าไปเรื่อยๆตามสไตล์ลาวเว้าไทย ผสมกันไปมาด้วยภาษาที่แทบจะเป็นภาษาเดียวกัน
ฟังม่วน ฟังสนุก เพราะว่าฟังกันออก
แต่ละจุดมีภูเขาหินปูนแปลกตา
"ต่อไปนี้ พวกท่านจะได้เห็นว่าวิวทิวทัศน์สองข้างทางของประเทศลาว โดยเฉพาะเส้นทางจากกรุงเวียงจันทน์ไปถึงวังเวียง อันเป็นเมืองกลางทางที่เราจะต้องพักค้าง 1 คืนค่ะ นอนในรีสอร์ทริมฝั่งแม่น้ำ"ซอง" ตื่นเช้าขึ้นมาจะได้เห็นความสวยงามของ "กุ้ยหลินเมืองลาว" แต่ระหว่างนี้ พักผ่อนสายตา แต่หูฟังไปด้วย ดร.ปริวรรต สาคร จะมาเล่าเรื่องต่างๆให้ฟัง ประดับความรู้เจ้า"
อลังการปานเทพตกแต่ง
หูผมเปิดฟังเรื่องเล่าไปตลอดทาง แต่สายตาผมไม่ยอมหยุดนิ่ง มันสอดส่ายไปตามเส้นทางเบื้องหน้า เบี่ยงซ้ายที ขวาที เป็นอยู่อย่างนี้ไปตลอดทาง เพราะว่ามันเป็นครั้งแรกที่ผมได้เดินทางมายังประเทศลาว ไกลเกินกว่าเวียงจันทน์ ทุกอย่างน่าสนใจใฝ่รู้ด้วยว่าอยากเห็น มองภาพแต่ละภาพข้างทางก็คิดตามไปด้วย เพลิดเพลินเจริญสมองจริงๆ มีอะไรที่มองดูแล้วว่าสวยงามก็กดชัตเตอร์ทันที ได้ภาพมามากมาย แต่จำไม่ได้เลยว่าเป็นที่ไหน หมู่บ้านอะไร เที่ยวด้วยทัวร์ก็ขาดอรรถรสและความละเอียดไปอย่างนี้แหละครับ
จุดนี้เรียกว่า ผาตั้ง งดงามมากๆ แต่มีเวลาน้อยในการถ่าย
ได้ความจากการฟังเรื่องเล่าว่า จากเวียงจันทร์ไปวังเวียง ซึ่งถือว่าเป็นอำเภอหนึ่ง ตั้งอยู่ระหว่างทางจากเวียงจันทน์อันเป็นนครหลวงของประเทศลาว ส่วนวังเวียงเป็นเพียงเมืองเล็กๆที่อยู่ระหว่างกลางทางไปหลวงพระบาง เช่นเดียวกันถ้าจะไปจังหวัดแม่ฮ่องสอนก็ต้องไปนอนค้างที่อำเภอปายหรือเมืองปาย มีรีสอร์ท โรงแรม เกสท์เฮ้าส์ โฮมสเตย์ มากมายเหมือนๆกัน วิวทิวทัศน์สองข้างทางสวยคล้ายคลึงกัน แต่แตกต่าง
จุดแวะพักซื้อของฝากจากป่าดงพงไพร
หมู่บ้านที่เห็นสองฝั่งถนน ดูรูปลักษณ์การสร้างบ้านเรือนของชาวลาว ผมว่าเป็นบ้านชั้นเดียวใต้ถุนสูง สองชั้นก็มี มีกระทั่งบ้านเรือนเฮือนฝรั่งเศสก็มี ขึ้นอยู่กับว่า ณ จุดนั้นเคยมีกองทัพฝรั่งเศสเคยเข้ามาพักแรมหรือตั้งกองทหารไว้หรือไม่ ใต้ถุนบ้านมีเล้าวัว ควาย หมู เป็ด ไก่ และกองฟืน เหมือนๆกับบ้านเราทางภาคอีสาน หรือในภาคเหนือหรือภาคกลาง
บางช่วงเวลาเห็นชาวนากำลังหว่านดำ บางแห่งมีแต่วัวควายไล่ทุ่ง แต่บางช่วงก็เป็นเทือกเขาหินปูนที่มีรูปทรงแปลกตา บางภูดูแล้วน่าทึ่ง มันช่างดงามอะไรปานนั้น และบางช่วงก็ได้กลายเป็นที่จอดรถให้นักท่องเที่ยวได้เข้าห้องสุขา หนักบ้าง เบาบ้าง
"ปั๊มหน้านี้ รถเราจะเติมน้ำมัน เชิญนักท่องเที่ยวเข้าได้ฟรีเลยนะเจ้า"
ไก่คำพูดด้วยลีลาสนุกๆ แต่พอนั่งไปไกลๆสักพักใหญ่ๆ ถึงอีกปั๊มหนึ่งไกด์สาวก็พูดว่า
"ปั๊มนี้เข้าห้องสุขาไม่ฟรีนะเจ้า เพราะว่าเราพักรถและพักคนให้เข้าห้องสุขาเจ้า ช่วยใส่เหรียญ 5 บาทไทยในกล่องข้างหน้าห้องสุขาด้วยนะเจ้า" พวกเราก็ปฏิบัติตามด้วยความเข้าใจดี
ได้เวลาที่นักท่องเที่ยวขึ้นรถมาจนครบถ้วน ก็ได้เวลารถจะโขยกต่อไปตามถนนราดยางที่ค่อยๆชันขึ้นเรื่อยๆ ถนนหนทางที่เขาตัดถือได้ว่าตัดได้คดโค้งสวยงามดี มีหมู่บ้านชาวเขาบ้าง ภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกๆ สวยงามมากๆ วางตัวระเกะระกะทั่วไป ยิ่งขึ้นไปสูงเท่าใด ก็ยิ่งมีหมู่บ้านสร้างกันแทบติดถนน
ทุ่งนาชายเขา แต่เหนือขุนเขาดูสวยไหม
จุดไหนที่มีวิวทิวทัศน์สวยงามมากๆ ไกด์ลาวสาวก็ใจดี จอดให้ลงไปถ่ายรูปกันเลยทีเดียว แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ชะเง้อคอขึ้นมองเท่านั้น จึงเหลือตากล้องเพียงผมกับเพื่อนผม ผอ.ไกรลาศ เทพสัมฤทธิ์พร เพื่อบันทึกภาพตามปกตินิสัย ส่วนผมนั้นเพื่อนำมาอวดให้เพื่อนๆ แฟนๆในเว็บไวต์ ทองไทยแลนด์ดอทคอม(www.thongthailand.com) ได้ชมกัน ก็แฮปปี้แล้ว
มีอยู่จุดหนึ่ง จำชื่อหมู่บ้านไม่ได้ สวยมาก เห็นแล้วอยากกลับไปอีกสักครั้งแล้วขับรถไปกันเอง จะได้เก็บข้อมูลละเอียดมาฝากได้มากกว่านี้ แต่อย่างไรก็ดี วันนี้อายุ 63 ปีแล้ว ไม่ค่อยแน่ใจนักว่า ความหวังดังที่ว่านั้นจะทำได้หรือไม่ หนุ่มๆสาวๆ ถ้าได้อ่านพบข้อความนี้ หากมีใจกรุณาก็ช่วยสานต่อไปด้วยเถอะ ลุงแก่แล้ว ช่วยลุงด้วย โดยเฉพาะออมสิน..เข็มชาติ เปาอินทร์
ถ้ามีเวลาเหมือนช่างภาพอาชีพ คงสวยน่าพิศวง
พอค่ำลงจนมองเส้นลายมือไม่เห็น ไกด์สาวบอกว่า ใกล้จะถึงวังเวียงแล้ว ถ้าไปถึงวังเวียงแล้วสมควรเข้าไปนั่งกินอาหารหวานคาวเสียก่อนจะดีกว่า หลังจากนั้นจะท่องเที่ยวยามราตรีในบริเวณตัวเมืองวังเวียงก็ได้ ยังไงก็ต้องรอให้บริการ ถ้าเข้าที่พักแรมก่อนแล้วค่อยออกมาท่องราตรีก็ได้อีก อยากให้ช่วยกันตัดสินใจ
สรุปว่า กินก่อนนอนทีหลังแล้วกัน หิวกันจนพวกที่เป็นโรคเบาหวานน้ำตาลจะแห้งแล้ว อาการเริ่มต้นที่หวิวๆ มือสั่น ใจสั่น เสียววูบๆลงขาแข้ง หน้าเริ่มมืด ตามัว หัวใจสั่น เฮ้ย ไม่ไหวแล้ว ขอกินก่อน ถ้าไม่เช่นนั้นคนที่นั่งใกล้อาจเสียใบหู ถูกพวกเบาหวานกินกันเองละก็จะยุ่งแน่ๆ ล้อเล่น ผมเป็นเบาหวานขนาดกว่า 175 แต่ผมมาท่องเที่ยวอย่างนี้ ปราหมาดไม่ได้
"เอาฮอลล์ไหม โอเล่ก็มี หรือจะเอาฮาร์ทบึท ช็อกโกแลตก็มีนะ ช่วยเติมน้ำตาลได้ครับ" จากประสบการณ์การเดินทางไปท่องเที่ยวเพื่อหาข้อมูลมาเขียนและเชื่อฟังในคำเตือนของแพทย์ "ไปไหนก็พกลูกอมไปด้วย ฉุกเฉินแก้ได้นะคะ" เพราะฉะนั้นเมื่อรถจอดรอกรรมวิธีทางการผ่านแดน ผมจึงย่องเข้าไปในดิวตี้ฟรีลาว ซื้อตุนมาหลายชนิด กะว่าตลอดรายการไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ภาพนี้ไม่งดงามดอกนะ แต่เพื่อความอยู่รอดอาจจำเป็น
พออาหารค่ำลงโต๊ะ เสียงที่คุยๆกันอยู่เงียบกริบ ก้มหน้าก้มตารับประทานกันเต็มกำลัง ชั่วเวลาไม่เนิ่นนาน ก็อิ่มกันทุกคน(อาหารหมด แหม น้อยไปหน่อย) เข้าห้องสุขาสั่งลา แล้วก็เหล่ไปทั่วๆ บริเวณ ผมจึงได้พบว่า เมืองวังเวียงนี้ มีถนนราดยางที่คราคร่ำไปด้วยนักท่องเที่ยวหนุ่มสาวชาวฝรั่งมั่งค่า ส่วนใหญ่วัยรุ่นกำลังคนอง บนรถสองแถวของเมืองลาวมีนักท่องเที่ยวนั่งกันเต็มแล่นมาจากต้นทางหนึ่ง พอลงรถยนต์สองแถวได้ก็เฮกันดังลั่นถนน เนื้อตัวนุ่งเพียงกางเกงขาสั้นๆ
เยาวนชนคนรุ่นหนุ่มสาวน่ารักทุกคน ไม่ว่าจะอยู่ ณ ที่แห่งหนใด
"เขาไปล่องแพในแม่น้ำซองมานะเจ้า แต่คณะเราคงไม่ได้ไปล่องแพแน่เลย เพราะว่าพรุ่งนี้เช้าก็ต้องนั่งรถต่อไปยังหลวงพระบางอีกทั้งวัน" ไกด์สาวอธิบายพอให้เข้าใจ พวกเราบางคนเดินตามกลุ่มนักท่องเที่ยวไปต้อยๆ ใช่แล้วผมกับเพื่อนครับ ตามไปถ่ายรูปพฤติกรรมนักท่องเที่ยว เพื่อเก็บบรรยากาศและเรื่องราวความสนุกสนาน ความพึงพอใจของเขา
พูดคุยกันตามปกติ บ้านชาวเขาริมทาง
ไม่ได้สัมภาษณ์หรอก แต่แค่เห็นก็รู้แล้วว่า เขาพึงพอใจเพียงใด ระดับไหน เขาเชื่อมั่นเรื่องความปลอดภัยมากแค่ไหน เขาแวะเข้าร้านโน้นแล้วก็เข้าร้านนี้ ส่วนใหญ่เข้าไปซื้อเบียร์ลาวกินกัน บางกลุ่มก็ยืนคุยกัน บางกลุ่มก็นั่งลงบนฟุตบาท ภายในร้านอาหารก็มีฝรั่งนั่งกันเต็มไปทุกร้าน เว้นแต่บางร้านเป็นบาร์เบียร์แน่นอน ไฟแดงอึมคลึมไปทั้งร้าน
เล่นกันตามประสาเด็กๆ..ซึ่งน่ารักมาก
"แขกคงเข้าตอนดึกเหมือนพัทยา เหมือนเมืองปาย" อดีตรองผู้ว่าราชการจังหวัดสิงห์บุรีช่วงชัย เปาอินทร์ กล่าวพลางก็เดินเลียบๆเคียงๆเข้าไปอย่างกับอยากจะเข้าไปสัมผัส
ผมยอมรับว่า แหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้มีลักษณะเดียวกับเมืองปายบ้านเรา ในไม่ช้าร้านรวงต่างๆจะเป็นของชาวฝรั่งนักท่องเที่ยวที่จะเข้ามาซื้อกิจการเช่นเดียวกับที่ปาย และนั่นก็คือการวิวัฒนาการทางการค้ารูปแบบหนึ่ง
มัดหญ้าคา..วิถีชีวิตที่คล้ายคลึง
เวลาผ่านไปเร็วมาก เมื่อไกด์สาวลาวเดินมาเรียกร้องให้ขึ้นรถยนต์ ผมรู้สึกเสียดายบรรยากาศ แต่ด้วยวัยปลายๆแล้ว จึงต้องเชื่อฟังไกด์สาวลาวสวยตามระเบียบ เรื่องความปลอดภัยเท่าที่ได้สัมผ้สเชื่อมั่นเช่นกันว่า "ปลอดภัย" ถามว่าน่านั่งทอดหุ่ยสักพักในบาร์เบียร์ไหม ตอบได้เลยว่า "ถ้าเมื่อสัก 15 ปีที่แล้วคงไม่ยอมกลับไปนอน"
นั่งคุยกันตามประสาชาวชนบท
การหอบหิ้วสัมภาระเป็นหน้าที่ไกด์สาวจัดการร่วมกับพนักงานรีสอร์ท ผมและเพื่อนจึงไปรอที่ห้องนอน สักครู่กระเป๋าก็มาถึงจริงๆ เปิดกระเป๋าดูแล้วสิ่งของเครื่องใช้อยู่ครบ เชื่อถือได้ทุกคน มีน้ำใจงดงามทุกคน แอร์ในห้องเย็นสบายดี บรรยากาศรีสอร์ทเยี่ยม แต่เมื่อนอนจนหลับไปแล้ว กว่าจะตื่นก็ 06.10 น. หายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้ง
ผอ.ไกรลาศ เทพสัมฤทธิ์พร เพื่อนผม
เราเดินออกไปพร้อมวางกระเป๋าไว้หน้าห้อง เดี๋ยวมันจะไปอยู่ที่รถประจำทัวร์เอง ไปหากินอาหารเช้าที่ร้านอาหารริมแม่น้ำซองกันดีกว่า บรรยากาศเนี๊ยบ สิ่งก่อสร้างงดงามและทำด้วยไม้สักอย่างดี อาหารจัดวางไว้รอแล้ว แต่เมื่อยกชุดอาหารไปเลือกนั่งริมระเบียง(นอกชาน) ได้เห็น "กุ้ยหลินเมืองลาว"(Vangvieng Guiliin of Laos) แต่อย่างไรก็ตาม วังเวียงงดงามกว่าปายมากด้วยธรรมชาติของขุนเขา ปายมีภูเขาแบนราบกว่าวังเวียงมาก จะเขียนเรื่องที่พักวังเวียงในหน้า Food&Bed อีกตอนหนึ่ง
พร้อมทุกคน การเดินทางเริ่มขึ้น บนถนนสายวังเวียง-หลวงพระบาง เป้าหมายสุดท้ายปลายทางที่วาดหวัง ถนนราดยางสองช่องจราจรเส้นเดิม สภาพถนนคดโค้งและเป็นหลุมบ่อบ้างเหมือนวันวาน สภาพบ้านเรือนก็ยังคล้ายๆกัน มีทุ่งนาสีเขียวขจีเป็นบางจุด บางจุดเป็นที่สวน ที่ไร่ และที่ป่าไม้กับการบุกรุกลงเป็นไร่นา ส่วนภูเขาหินปูนสองฟากถนน ยังมีให้ชมความแปลกมากมายหลายจุด บางจุดเรียกภูเพียงฟ้า บางจุดเรียกเมืองภูคูน
ยิ่งรถวิ่งขึ้นเขาสูงไปมากเท่าไร ถนนก็ยิ่งคดโค้งและดูสวยงามมากขึ้น ผมพยายามถ่ายรูปเก็บไว้ในไฟล์กล้อง และผมก็ขอร้องให้จอดเถอะ อยากถ่ายรูปเหลือเกิน การมาครั้งนี้เชื่อว่าเป็นการมาครั้งสุดท้าย จึงออดอ้อนทุกวิถีทาง แต่อย่างไรก็ตาม ได้รูปมาเพียงเท่าที่ลงให้พี่น้องผองเพื่อนเว็บทองไทยแลนด์ได้เห็นเพียงเท่านี้
ตะวันโด่งทะลุเวลาเที่ยงไปแล้ว ท้องเริ่มหิว ผมปลิ้นลูกอมส่งเข้าปาก และชั่วลูกอมหมด ก็ได้เวลารถยนต์ต้องจอดพัก ให้เข้าห้องสุขา ให้ชมวิวสวยๆ และให้เข้าห้องสุขา 5 บาท อีกครั้ง หลังจากจุดนี้ซึ่งถือว่าสูงกว่า 1,300 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง ก็เริ่มไต่ลงเขาไปเรื่อยๆ จนถึงจุดหนึ่งเป็นร้านอาหารกลางวัน ได้พักรถ พักคน และกินอาหารกลางวันราวๆบ่าย 2 โมงจ้ะ
หลุดจากนี้ได้เห็นความสวยงามของสองข้างทาง ส่วนใหญ่เป็นหมู่บ้านชาวเขาที่สร้างริมถนน เรียงรายไปหมู่บ้านแล้วหมู่บ้านเล่า เห็นชาวเขาจับกลุ่มพูดคุยกันอยู่ตามริมทางข้างหน้าบ้าน เห็นเด็กๆน่ารักเล่นกันริมทางข้างบ้านกันตามประสาเด็กตัวเล็กๆ ได้เห็นแม้แต่ฝรั่งหนุ่มสาวเดินกันอยู่ริมถนน ในสภาพเครื่องแต่งกายกลมกลืนกับธรรมชาติป่าเขาลำเนาไพร
ปลาซิวแก้วของหมู่บ้าน"ขายปลา"
"หมู่บ้านข้างหน้านี้ จะเป็นหมู่บ้านชาวประมง ทุกหลังคาเรือนมีอาชีพจับปลาจากในเขื่อน ในแม่น้ำ ย่าง ปิ้ง รมควัน ปลาร้า ปลาส้ม ปลาตากแห้ง สารพัดวิธีเก็บรักษาอาหารประเภทปลา ที่เห็นเขาตั้งไว้ขายหน้าบ้านนั่นแหละ อยากลงไปสักหน่อยไหมเจ้า" ไกด์สาวหยอดมุกกระตุ้นต่อมกระสันต์ ผมรีบตะโกนไปจากที่นั่งท้ายๆรถว่า "อยากลง"
หมู่บ้านขายปลาสารพัด ผอ.ไกรลาศซื้อปลาซิวแก้ว
เป็นตลาดปลาสารพัดชนิดและสารพัดวิธีถนอมอาหารของชาวลาวจริงๆ มองดูแล้วก็อยากกินมากๆ แต่ถ้าจะซื้อกลับไปกินที่กรุงเทพหรือ วันหน้าก็ยังต้องไปนอนที่หลวงพระบางหลายคืน และขากลับก็ยังต้องไปด้วยเครื่องบินตรงถึงสุวรรณภูมิ หมดหวัง แต่ผอ.ไกรลาศซื้อปลาซิวแก้วไปห่อหนึ่งจนได้ เขาว่า ใส่กระเป๋าได้ ห่อแค่นี้เอง
รถยนต์เข้าไปถึงหลวงพระบาง อาหารกลางวันมื้อนั้น มีเสียงเรียกร้องอยากกินปลาซิวแก้ว ผอ.ไกรลาศๆ ก็เลยต้องแสดงน้ำใจ ยกห่อปลาซิวแก้วส่งให้ทอดมาเลี้ยงเพื่อนร่วมทัวร์จนหมดเกลี้ยง ทุกคนตอบเป็นเสียงเดียว
"อร่อยเกินไป เกลี้ยงเลย"
ผอ.ไกรลาศเพื่อผมบ่นบ้าง
"เสียดาย รู้ยังงี้ ซื้อมาสัก 5 กก.ก็ดี"
ด้วยว่าปลาซิวแก้วห่อนั้น ผอ.เขากะว่าจะซื้อไปฝากลูกแก้ว(พญ.กิ่งแก้ว เทพสัมฤทธ์พร")
รู้ไว้ซะมั่ง ความหิวไม่ปราณีใคร
ต้นนางพญาเสือโคร่งกำลังออกดอกบานสะพรั่ง ถ้ามีตลอดถนนบนเขาคงสวยงาม